ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดบวก 8.81 จุด แนวเดียวกับตลาดภูมิภาค เริ่มมี Sentiment ดีขึ้นหลังคลายกังวล Brexit

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 21, 2016 17:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,430.80 จุด เพิ่มขึ้น 8.81 จุด (+0.62%) มูลค่าการซื้อขาย 48,148.17 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,433.52จุด และดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันที่ 1,421.36 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 654 หลักทรัพย์ ลดลง 474 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 366 หลักทรัพย์

นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเริ่มมี Sentiment ดีขึ้น จากคลายกังวลเรื่องลงประชามติของอังกฤษเกี่ยวกับการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่ผลโพลออกมาว่าอังกฤษจะไม่ออกจากอียูมากกว่า ทำให้ภาพรวมดีขึ้น แต่เชื่อ upside ไม่มากแล้วในการไปต่อจนถึงวันที่จะลงประชามติ 23 มิ.ย.นี้ เชื่อว่านักลงทุนคงจะ Wait & See เพื่อรอดูผลการลงประชามติจริงก่อน

สำหรับปัจจัยในประเทศในวันพรุ่งนี้ (22 มิ.ย.) จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งก็คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ทำให้ประเด็นนี้ไม่ได้มีนัยยะต่อตลาดฯ ดังนั้นจึงมองว่าในช่วง 1-2 วันนี้ ตลาดฯคงจะ Wait & See ไปก่อน เนื่องจากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่เข้ามา

ทั้งนี้ ถ้าอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ทำให้อาจจะเกิด Panic Sell ซึ่งมองว่าน่าจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ และน่าจะไม่หลุดแนว 1,380 จุด เพราะกรณีที่เกิดขึ้นนี้มองว่าไม่น่าจะกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของตลาดฯ แต่จะกระทบแค่การเคลื่อนย้ายเงินทุน แต่ถ้าอังกฤษอยู่ในอียูต่อ ก็อาจจะทำให้ตลาด rally ต่อได้ ซึ่งในแง่ปัจจัยพื้นฐานของตลาดฯทางเคจีไอฯได้ประเมินเป้าหมายไว้ที่ระดับ 1,500 จุดในปีนี้ ดังนั้นในแง่การลงทุนอยากให้ยึดที่ปัจจัยพื้นฐานมากกว่า

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่จะรีบาวน์กัน ส่วนตลาดในยุโรปที่เทรดในช่วงบ่ายนี้เริ่มพักหลังใกล้วันลงประชามติ โดยตลาดยุโรปเมื่อวานนี้ได้ปรับตัวขึ้นไปแล้ว จากการซื้อคืนหลังผลโพลล่าสุดออกมาว่าอังกฤษต้องการจะอยู่ในอียูต่อ

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (22 มิ.ย.) นายสุโชติ กล่าวว่า ดัชนีฯคงจะแกว่งตัวในกรอบ 1,420-1,450 จุด ซึ่งหากหลุดแนวรับ 1,420 จุด ตลาดอาจลดความเสี่ยงและมีแนวรับถัดไปที่ 1,400 จุด

พร้อมมองหุ้นเด่นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ (H2/59) เป็นหุ้น CPALL จากการมองว่าการบริโภคในประเทศน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ในครึ่งปีหลัง ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็มองว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ก็น่าจะดีขึ้นได้ โดยแนะนำหุ้น ANAN, AP นอกจากนี้ยังแนะนำกลุ่มรับเหมาฯ และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากมีประเด็นบวกจากโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 ซึ่งได้มีการยื่นซองไปแล้ว และยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่คาดว่าจะเปิดขายซองในต้นก.ค.นี้ จึงแนะนำหุ้น CK, BEM อีกทั้งยังแนะนำหุ้น TASCO โดยมองราคายางมะตอยจะฟื้นตัว เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High Season ในช่วงไตรมาส 3-4

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,910.35 ล้านบาท ปิดที่ 7.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท

BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,947.93 ล้านบาท ปิดที่ 13.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,932.10 ล้านบาท ปิดที่ 386.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,924.53 ล้านบาท ปิดที่ 32.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท

TASCO มูลค่าการซื้อขาย 1,450.64 ล้านบาท ปิดที่ 28.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ