บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ออกกองใหม่ลงทุนหุ้นเยอรมัน ชูศก.แข็งแกร่งในยุโรป,ขาย 27-30 มิ.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 22, 2016 11:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่า บริษัทเปิดตัวกองทุนเปิด ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เยอรมัน อิควิตี้ (CIMB-PRINCIPAL GEQ) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารแห่งทุน ขนาดกองทุน 2,000 ล้านบาท กำหนดราคาเสนอขายต่อหน่วยที่ 10 บาทและมูลค่าการสั่งซื้อขั้นต่ำในครั้งแรก 5,000 บาท โดยกำหนดวันจองซื้อ 27-30 มิถุนายน 2559 เพื่อนำเงินที่ได้ไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก iShares Core Dax UCITS ETF (DE) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศเยอรมนี เพียงกองทุนเดียว ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนและที่เกี่ยวข้องกับตราสารทุนที่จดทะเบียนหรือทำธุรกิจส่วนใหญ่ในประเทศเยอรมนี

"เรามองว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศเยอรมันยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง จากปัจจัยเกื้อหนุนต่างๆ อาทิ การขยายตัวของผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) ที่ยังอยู่ในระดับที่ดี ภาคอุตสาหกรรมการผลิตหลักที่กำลังฟื้นตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์จากปริมาณยอดขายในยุโรปที่ทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา อัตราการว่างงานและเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำและคาดการณ์ว่าบริษัทฯ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีโอกาสเติบโตที่ดี จึงเป็นปัจจัยบวกทำให้มีกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเยอรมัน เนื่องจากปัจจุบันตลาดหุ้นเยอรมันมี P/E ค่อนข้างต่ำที่ 11.4 เท่า และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 2.5% รวมถึงนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นยังมีโอกาส Upside ได้อีก 12% ทำให้เริ่มมีคำแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมันเพิ่มขึ้น จากแนวโน้มกำไรต่อหุ้นที่เป็นบวก จึงเป็นโอกาสที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมัน"นายวิน กล่าว

นายวิน กล่าวอีกว่า กองทุนเปิด CIMB-PRINCIPAL GEQ นับเป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจที่จะสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้แก่นักลงทุน เนื่องจากปัจจุบันเยอรมนีมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดของยุโรปและใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก โดยมีมูลค่า GDP ณ ปีที่ผ่านมา 3.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นด้วย GDP ที่เติบโตเฉลี่ยปีละ 1.3% ซึ่งมีอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องจักรกล ยานยนต์ เคมีภัณฑ์และเครื่องใช้ในครัวเรือน ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.3% ต่ำที่สุดในสหภาพยุโรป จึงคาดว่าแนวโน้ม GDP ยังจะยังขยายตัวได้อย่างดี โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจเยอรมันในปี 2559-2560 ที่ 1.5% และ 1.6% ตามลำดับ

นอกจากนี้ ประเทศเยอรมนียังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรป โดย S&P ซึ่งเป็นองค์กรด้านการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศเยอรมันที่ระดับ AAA สูงกว่าประเทศสหรัฐอเมริกาที่ระดับ AA+ โดยเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุด AAA จาก 3 สถาบัน ได้แก่ S&P, Moody’s และ Fitch เนื่องจากการดำเนินนโยบายทางการคลังที่เข้มงวดของรัฐบาลเยอรมัน จึงสามารถลดการขาดดุลงบประมาณจากติดลบ 4% ของ GDP เป็นเกินดุลที่ 0.7% ของ GDP ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ปรับลดลงเหลือ 71% จากเดิมอยู่ที่ 80% และทำให้ประเทศเยอรมันมีความเสี่ยงทางการเงินต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรป (Source: TRADINGECONOMICS.COM as of June 13, 2016)

ทั้งนี้ กองทุนหลัก iShares Core Dax UCITS ETF ที่กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เยอรมัน อิควิตี้ มีนโยบายเข้าลงทุนนั้น จะลงทุนในหุ้นของบริษัทฯ ชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เยอรมันในกลุ่มอุตสาหกรรม ต่างๆ ทั้งกลุ่มการเงิน, เฮลท์แคร์, สินค้าอุปโภคและบริโภค, กลุ่มวัสดุอุตสาหกรรม, กลุ่มอุตสาหกรรม, กลุ่มสื่อสาร, Information Technology เช่น เลือกลงทุน Bayer Ag ผู้ผลิตและขายสินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้าการเกษตรและยารักษาโรค, Siemens Ag บริษัทโรงไฟฟ้าระดับโลกด้านอุตสาหกรรมพลังงานและโซลูชั่นด้านโครงสร้างพื้นฐาน, BASF SE บริษัทผู้ผลิตเคมีรายใหญ่ Daimler AG บริษัทผลิตรถยนต์พรีเมี่ยมและผู้ผลิตยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก รวมถึงการให้บริการทางการเงินลิสซิ่งและประกันภัย, BMW บริษัทผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ชั้นนำของโลก เป็นต้น

“ตลาดหุ้นเยอรมันกำลังฟื้นตัวและมีแนวโน้มที่ดีในอนาคต รวมถึงปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้ตลาดหุ้นเยอรมันมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น คือกองทุนบำนาญในเยอรมันมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสัดส่วนการนำเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมันมากขึ้นและมาตรการ QE ของธนาคารกลางยุโรป อัตราดอกเบี้ยต่ำ เราเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นเยอรมันปรับตัวเพิ่มขึ้น ณ ปัจจุบันดัชนี DAX อยู่ที่ 9,962 จุด (20 มิ.ย.2559) ซึ่ง Bloomberg consensus มองดัชนีหุ้นเยอรมันใน 12 เดือนข้างหน้าที่ 11,423 จุด มี Upside เพิ่มขึ้น +12% (Bloomberg 13 มิ.ย. 2559) รวมถึงข่าว BREXIT ที่ผลจะออกในวันที่ 23 มิ.ย.2559 ซึ่งไม่ว่าจะผลจะออกมาอย่างไร เราเชื่อว่าเป็นจังหวะที่ดีที่เข้าลงทุนเพราะตลาดได้ปรับตัวลงมาพอสมควร ดังนั้น เรามองว่าจังหวะการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมันในช่วงนี้เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมในการสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้"นายวิน กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ