ทิสโก้คาดเฟดขึ้นดบ.ปลายปีนี้ส่งผลดอลลาร์ฯแข็งต่อ แนะเพิ่มน้ำหนักตราสารหนี้ระยะสั้นสหรัฐฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 23, 2016 11:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มเทรนด์ขาขึ้นระยะยาวตั้งแต่ต้นปี 2557 เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มลดการอัดฉีดสภาพคล่องผ่านมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องมาจนถึงปลายปีที่แล้ว แต่ในปีนี้ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้กลับมาอ่อนค่าลงราว 2% นับจากต้นปี โดยปัจจัยหลัก ๆ มาจากการที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปหลังจากยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ในเดือน พ.ค. ออกมาน่าผิดหวัง อย่างไรก็ตามดัชนีชี้วัดตลาดแรงงานตัวอื่น ๆ ยังคงแข็งแกร่ง และเราคาดว่าเฟดจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยช่วงปลายปี ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าอยู่ในขณะนี้ กลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

"มองว่าดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นในระยะยาว โดยคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ ในการประชุมเดือนธันวาคม และขึ้นอีก 3 ครั้งในปีหน้า ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยน่าจะทรงตัวที่ 1.5% ไปจนถึงปลายปีหน้า ดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยในไทยที่ทรงตัวจะส่งผลดึงดูดเม็ดเงินลงทุนกลับไปยังสหรัฐฯ และส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาท"นายคมศรกล่าว

นายคมศร คาดว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท ณ สิ้นปี 2559 และ 2560 จะอยู่ที่ 36.6 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และ 37.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ และแนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้นของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ ท่ามกลางความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกที่ยังมีอยู่มากในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และมีโอกาสได้กำไรจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะกลับมาเป็นเทรนด์แข็งค่าในระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ