(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ทรงตัวทั้งแดนบวก-ลบคล้ายภูมิภาค,แกว่งตามผลคะแนนโหวต Brexit

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 24, 2016 09:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งในลักษณะทรงตัวทั้งในแดนบวก-ลบ คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบในกรอบ ซึ่งเป็นไปตามผลคะแนนที่ออกมาว่าอังกฤษจะอยู่ในสหภาพยุโรป (อียู) ต่อหรือไม่อยู่ ซึ่งล่าสุดคะแนนออกมาแทบไม่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงคิดว่าคงจะต้องรอดูคะแนนออกมาไปจนถึงช่วงบ่าย

อย่างไรก็ดี คาดว่าวันนี้วอลุ่มเทรดคงจะมากอยู่ เพราะไม่ว่าอังกฤษจะอยู่หรือไม่อยู่ก็คงจะต้องมีผลต่อตลาดฯด้วยเช่นกัน โดยหากอังกฤษต้องการที่จะอยู่ในอียูต่อก็อาจมีผลไม่มากนัก แต่ถ้าอังกฤษออกจากอียูก็คงจะต้องมีการปรับพอร์ตกันเยอะมาก ซึ่งการปรับพอร์ตคงจะยาวไปจนถึงสัปดาห์หน้า

พร้อมให้แนวรับ 1,410-1,400 จุด ส่วนแนวต้าน 1,450-1,460 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 มิ.ย.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,011.07 จุด เพิ่มขึ้น 230.24 จุด (+1.29%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,910.04 จุด เพิ่มขึ้น 76.72 จุด (+1.59%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,113.32 จุด เพิ่มขึ้น 27.87 จุด (+1.34%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 95.52 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 8.20 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 384.83 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.85 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 14.84 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 13.86 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.14 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 มิ.ย.59) 1,436.40 จุด เพิ่มขึ้น 11.72 จุด (+0.82%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,279.21 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 มิ.ย.59) ปิดที่ 50.11 ดอลลาร์/
บาร์เรล เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 มิ.ย.59) ที่ 5.37 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.34 อ่อนค่าตามภูมิภาค คาดระหว่างวันผันผวน เกาะติดผลโหวต Brexit
  • สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะเสนอโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 28 มิ.ย.นี้ เห็นชอบในหลักการ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการ
  • ค่าเงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในปี 2559 อยู่ที่ 1.4847 เหรียญสหรัฐ/ปอนด์ ในวันลงประชามติออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษ หรือเบร็กซิต เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ค่าเงินยูโรก็ปรับตัวสูงขึ้นระหว่างการซื้อขาย อยู่ที่ 1.1333 เหรียญสหรัฐ/ยูโร เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ตามเวลาในไทย ส่วนค่าเงินเยนยังแข็งค่าขึ้น โดยซื้อขายอยู่ที่ 104.43 เยน/เหรียญสหรัฐ
  • ในวันที่ 24 มิ.ย. สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะเข้าพบ นาง อรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม เพื่อหารือถึงแนวทางการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในประเทศไทย ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการผลักดันให้มีการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ภายในปี 2559
  • เอสแอนด์พีซื้อหุ้นทริสเรทติ้ง 49% เหตุเห็นช่องว่าการตลาดและมั่นใจต่อเศรษฐกิจไทยพร้อมหนุนไทยเป็นแหล่งเงินทุนของนักลงทุนต่างประเทศ เหตุตลาดทุนไทยโตอันดับ 3 ของภูมิภาค ทริสเชื่อเอสแอนด์พีจะช่วยพัฒนาตลาดทุนไทย
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เผยขณะนี้ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) อยู่ในช่วงขาลง และประเมินว่าในไตรมาสที่ 4 ของปี 2559 ราคาจะลดต่ำสุดถึง 11.90 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) จากเดิมมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2559 ได้เห็นชอบลอยตัวราคาก๊าซเอ็นจีวีแบบมีเงื่อนไขโดยกำหนดให้ตั้งแต่ 21 มกราคม 2559 - 15 กรกฎาคม 2559 ราคาเอ็นจีวีจะมีเพดานไม่เกิน 13.50 บาทต่อ กก.และมีบมจ. ปตท. อุดหนุนส่วนต่างหากราคาสูงกว่าเพดาน และตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2559 เป็นต้นไป ภาครัฐจะลอยตัวราคาเอ็นจีวีเต็มรูปแบบ เพื่อให้ราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงมากขึ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

  • GCAP (ยูโอบี เคย์เฮียน) ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นโครงการสนับสนุนเงินทุนด้านการผลิต โครงการพักชำระหนี้เงินต้น และโครงการประกันภัยนาข้าว ทั้งนี้ GCAP มี market share สินเชื่อรถเกี่ยวข้าวสูงสุดในประเทศ อีกทั้งคาดผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าช่วงต้นปีจากการเข้าสู่ช่วง high season ซึ่งเป็นฤดูเกี่ยวข้าว การเปลี่ยนจาก el nino เป็น la nina ทำให้เอื้อต่อการทำเกษตรกรรม และธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
  • EGCO (ไอร่า) เป้า 216 บาท อยู่ระหว่างการเจรจาโรงไฟฟ้าในลาวจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 กำลังการผลิต 600 MW ได้ข้อตกลงเกี่ยวกับค่าไฟฟ้าใน MOU แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาสัญญา PPA คาด EGCO จะเข้าถือหุ้น 25% มีกำหนดเดินเครื่องผลิตในปี 65 และ 2) โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำปากเบ่ง กำลังการผลิต 920 MW อยู่ระหว่างเจรจาสัญญาค่าไฟฟ้า คาด EGCO ถือหุ้น 30% หากสำเร็จจะมีกำหนดจ่ายฟ้าในปี 68 นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินประเภท Ultrasupercritical ซึ่งเป็นเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดที่ดีที่สุดในปัจจุบัน คาด EGCO ถือหุ้น 30% หากสำเร็จจะมีกำหนดจ่ายไฟฟ้าในปี 66 พร้อมคาดแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 59-63 ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • TOP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 74 บาท ราคาหุ้นปรับลงลึกเกินพื้นฐาน คาด 2Q59 แข็งแกร่ง ปรับประมาณการเพิ่ม พร้อมคาดว่ากำไรสุทธิใน 2Q59 จะออกมาแข็งแกร่งที่ 6.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% qoq จากอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นที่สูงถึง 107% และกำไรจากสต็อกน้ำมันที่มากถึง 2.8 พันล้านบาท โดยปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไรสุทธิปี FY59F ขึ้นอีก 11% และ ปี FY60F ขึ้นอีก 19% ทั้งนี้ P/E ของ TOP ต่ำที่สุดในบรรดาโรงกลั่นในภูมิภาค
  • BCP (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 36 บาท เป็นตัว laggard ในกลุ่มโรงกลั่นเพราะถูกกดดันจากผลประกอบการไตรมาส 1/59 โดยคาดว่าผลประกอบรายไตรมาสได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเนื่องจากในไตรมาส 2 เป็นต้นไปจะไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น อีกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นเกือบ 15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้มีบริษัทฯมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบมาช่วยชดเชยค่าการกลั่นที่ชะลอตัว พร้อมมีปัจจัยบวกจากการนำบริษัท BCPG ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในไตรมาส 3/59 ซึ่งจะช่วยหนุนปลดล็อกมูลค่าหุ้นของ BCP ได้ (คาดว่าผู้ถือหุ้น BCP จะได้รับสิทธิ์จองซื้อหุ้น BCPG 10-25% ของจำนวนหุ้น IPO)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ