GBS ให้กรอบ SET 1,450–1,460 จับตา Window Dressing แม้ยังกังวลศก.โลกชะลอตัวจากกรณี Brexit

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 29, 2016 11:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยตอบรับปัจจัยบวกจากกรณีธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ต่อไป เนื่องจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (Window Dressing) ไตรมาส 2/59 ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน

อีกทั้งคาดการณ์ว่าจะเห็นการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ในเร็วๆนี้ ภายหลังกระทรวงคมนาคมเร่งแผน Action Plan AOT รวมถึงโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ อาทิ งานก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ เฟสสอง การเปิดประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง และการประมูลรถไฟทางคู่

ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังเปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 59 (ตุลาคม 2558–พฤษภาคม 2559) มีการเบิกจ่ายได้กว่า 1.9 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 8.4% ซึ่งเชื่อว่าจะสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่เหลือของปีงบประมาณ

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยลบจากคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวในปีหน้าจากผลกระทบกรณีที่อังกฤษจะถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) เนื่องจากยุโรปเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาและจีน ขณะที่ S&P และ Fitch rating บริษัทจัดอันดับยักษ์ใหญ่ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถืออังกฤษลง อีกทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลงล่าสุดอยู่ที่ 46.7 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลผลกระทบอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา เช่น การคาดการณ์งบการเงินงวดไตรมาส 2/59 ของหุ้นกลุ่มธนาคาร และในวันนี้ (29 มิ.ย.) สหรัฐจะเปิดเผยสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ และธนาคารกลางสหรัฐจะเปิดเผยรายงานการวิเคราะห์และประเมินเงินทุนแบบเบ็ดเสร็จ (CCAR) หรือผลการทดสอบภาวะวิกฤตส่วนที่ 2 และในวันที่ 30 มิถุนายน สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ประจำเดือนมิ.ย. ส่วนสหภาพยุโรปจะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคและความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนมิถุนายน

ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากผลกระทบอังกฤษออกจาก EU ยังคงเป็นปัจจัยลบกดดันต่อภาวะการลงทุนในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามคาดว่าแรงซื้อในการทำ Window Dressing และซื้อหุ้น Big Cap ที่จ่ายเงินปันผลครึ่งปีจะช่วยพยุงดัชนีไว้ได้ ดังนั้นคาดว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,450–1,460 จุด

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy โดยเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยบวกรองรับ เช่น หุ้น BANPU ราคาถ่านหินทำ High ในรอบ 1 ปี ล่าสุด 53 ดอลลาร์/ตัน รองลงมาได้แก่หุ้นกลุ่มค้าปลีก (Domestic Play) ที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังซื้อภายในประเทศ รวมทั้งหุ้นกลุ่มรับเหมาที่จะได้ประโยชน์จากการประกาศเชิญชวนประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง ในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ และหุ้นที่ปันผลครึ่งปีเด่น ได้แก่ INTUCH, ADVANC, KKP,TCAP, SCC, QH, LH, PS และ LPN

สำหรับการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำ ปรับตัวขึ้นแรงจากแรงซื้อทองคำเพื่อลดความเสี่ยงหลังสหราชอาณาจักรลงประชามติถอนตัวจากสหภาพยุโรปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาซึ่งได้สร้างความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะที่บรรดาผู้นำ EU จะจัดการประชุมสุดยอดในวันที่ 28-29 มิ.ย.นี้ เพื่อเตรียมการสำหรับการแยกตัวออกไปของอังกฤษ รวมถึงความกังวลว่าประเทศอื่นใน EU อาทิ ฝรั่งเศส เดนมาร์ก โปแลนด์ และฮังการี อาจต้องการออกจาก EU เช่นเดียวกับสหราชอาณาจักร

นอกจากนี้ ธนาคารกลางของประเทศต่างๆเริ่มหาแนวทางการป้องกันความเสี่ยงจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากผลของ Brexit ขณะที่ล่าสุดสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ได้พากันลดอันดับเครดิตของอังกฤษ โดย S&P ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษลง 2 ขั้น สู่ระดับ "AA" จากระดับ "AAA" พร้อมกับเตือนว่า อังกฤษอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือต่อไป ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษลงสู่ระดับ"AA" จากระดับ "AA+" พร้อมเตือนว่าอังกฤษอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงอีก อย่างไรก็ตามราคาทองเริ่มทรงตัวหลังปรับขึ้นแรงเนื่องจากแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและปอนด์ แต่การพักตัวก็อยู่ในกรอบแคบเท่านั้น

แนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค เริ่มพักตัวออกข้างและเกิดสัญญาณลบแท่งเทียน Shooting Star ที่มีช่วงห่างเส้น 5 วัน และอยู่ใกล้เขตขึ้นแรงมากเกินไป และค่าสัญญาณ RSI เกิดภาวะ Bearish Divergence ทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวลงแต่จะลงไม่มากเนื่องจากมีแนวรับสัญญาณ Golden Cross รองรับอยู่ ดังนั้นแนวโน้มราคาทองคำมีโอกาสพักตัวลดภาวะขึ้นแรงมากเกินไปก่อนปรับขึ้นรอบใหม่ โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1,285 -1,290 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้านอยู่ที่ 1,355-1,360 เหรียญต่อทรอยออนซ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ