ผจก.กองทุน เชียร์ลงทุนกองอสังหาฯ-อินฟราฟันด์-รีท รับผลตอบแทนสม่ำเสมอ-หนีความผันผวนตลาดหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 8, 2016 17:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงไทย กล่าวในงานเสวนา "รวยด้วยกองทุนอสังหาฯ อินฟราฟันด์ และรีท" ว่า กองทุนอสังหาริมทรัพย์ อินฟราฟันด์ และรีท ถือว่าเป็นกองทุนที่มีความผันผวนน้อยเมื่อเทียบกับตลาดหุ้น แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงซบเซา ซึ่งที่ผ่านมากองทุนดังกล่าวเป็นที่น่าสนใจอย่างมากแก่นักลงทุน เนื่องจากได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอ และสามารถคาดการณ์ผลตอบแทนในรูปอัตราปันผลได้ในแต่ละปี ขณะที่ราคาแม้ว่าปัจจุบันจะปรับตัวขึ้นค่อนข้างสูง แต่เชื่อว่าผู้บริหารกองทุนมีความตั้งใจที่จะสร้างผลตอบแทนให้อยู่ในระดับสูงสุด

ทั้งนี้ การเลือกสินทรัพย์ในกองทุนที่เข้าลงทุน ควรมองสินทรัพย์ที่มีผู้เช่าจำนวนมากเป็นอันดับแรกก่อน เช่น ห้างสรรพสินค้า รองลงมาให้ดูที่การบริหารจัดการของกองทุนนั้นๆ ว่าได้มาตรฐานหรือไม่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนักลงทุนผู้ที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้น ๆ จะต้องเข้าไปดูแล หรือตรวจสอบคุณภาพของสินทรัพย์ว่ายังอยุ่ในสภาพดีหรือไม่

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า การลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์มีความน่าสนใจจากความผันผวนที่น้อยกว่าตลาดค่อนข้างมาก โดยจากสถิติในช่วงปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะได้รับแรงกดดันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ย 8-9% ต่อปี โดยมองว่ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) มีความน่าสนใจ เนื่องจากให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่ค่อนข้างสูง แต่ต้องดูว่าเป็นประเภทเช่าหรือประเภทซื้อ และดูผลตอบแทนย้อนหลังเพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน

"เราต้องดูว่าสินทรัพย์นั้นๆเป็นอะไร มีผู้เช่ามาก น้อยขนาดไหน และมีการบริหารจัดการสินทรัพย์ได้คุณภาพหรือไม่ ถ้าหากเป็นกองรีท ก็ไปดูที่ REIT manager หรือเป็นกองอสังหาริมทรัพย์ ก็ดูที่ property management"นายวศิน กล่าว

ขณะที่ นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การลงทุนในช่วงที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ควรจะลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มีความผันผวนต่ำ เช่น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ,อินฟราฟันด์ และรีท ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตร และสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยสินทรัพย์ก็มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั่ง โรงแรม ออฟฟิต และห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ที่มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ มองว่ากองทุนดังกล่าวยังมีโอกาสไปได้ต่อ จากปัจจัยเงินทุนเคลื่อนย้าย แต่สิ่งที่นักลงทุนควรศึกษาอย่างมากเกี่ยวกับการลงทุน คือการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่อาจจะส่งผลต่อสินทรัพย์แต่ละประเภท เช่น ห้างสรรพสินค้า จากการเปลี่ยนผู้เช่าพื้นที่ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น และกระแสการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ หรือ กระแสฟินเทค รวมไปถึงข่าวสารจากทั่วโลก อย่างกรณี Brexit ที่อาจจะกระทบต่ออัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวลดลง

ด้านนายธนวัฒน์ ปัจฉิมกุล ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ (ประเทศไทย) เชื่อว่าการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ อินฟราฟันด์ และรีท จะยังได้รับความน่าสนใจอย่างต่อเนื่องจากภาวะนโยบายดอกเบี้ยต่ำจนถึงติดลบในหลายประเทศ ซึ่งทำให้การลงทุนในรูปแบบพันธบัตรแทบจะไม่มีผลตอบแทน ส่งผลให้สถาบันต่างๆ หรือผู้จัดการกองทุน เริ่มหาการลงทุนรูปแบบอื่นมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจะต้องศึกษาหาข้อมูลในการลงทุนสินทรัพย์อย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะ Trustee ขณะเดียวกันยังมองแนวโน้มการลงทุนในสินทรัพย์ที่ยังไปได้ต่อ เช่น กองรีทที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์ ถือว่ามีแนวโน้มค่อนข้างดี ซึ่งนักลงทุนจะต้องพิจารณาว่าสินทรัพย์ดังกล่าวจะมีการเติบโตได้จากอะไร หากเป็นการเติบโตจากการซื้อสินทรัพย์เข้ามาเพิ่มเรื่อยๆ ก็น่าจะเป็นโอกาสในการลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการบริหารจัดการกองทุน เช่น อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ได้รับการดูแล หรือมีการปรับปรุง รีโนเวท สม่ำเสมอหรือไม่ เพราะจะส่งผลต่อค่าเช่าที่สามารถปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงการรีไฟแนนซ์ด้วยการขายสินทรัพย์เก่าออกไป และนำเงินมาลดหนี้

พร้อมกันนี้ยังมองไปถึงกลุ่ม Health Care ที่มีความเสี่ยงต่ำ และการลงทุนในต่างประเทศ เช่น ในประเทศอินเดีย ที่ขณะนี้เศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยเฉพาะสกุลเงินรูเปียะห์ ที่ค่อนข้างนิ่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีความน่าสนใจในสินทรัพย์ที่เป็นอาคารสำนักงานที่มีการเติบโตสอดรับไปกับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ระดับ 7%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ