THAI เตรียมฟื้นบางเส้นทางบินตปท.รวมถึงสหรัฐ,คาดราคาน้ำมันต่ำหนุนผลงานปีนี้ไม่ขาดทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 25, 2016 15:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า การบินไทยจะกลับไปเปิดจุดบินกรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย และเมืองเตหะราน ประเทศอิหร่านในเดือนต.ค.นี้ หรือเริ่มบินในตารางฤดูหนาว

สำหรับอิหร่านเพิ่งกลับมาเปิดประเทศ ทำให้เป็นประเทศที่น่าสนใจเข้าไปท่องเที่ยว และมีประชากรมากถึง 70-80 ล้านคน โดยส่วนใหญ่ชื่นชอบเดินทางมาท่องเที่ยวไทย แต่ปัจจุบันบินผ่านมาเลเซีย ส่วนมอสโคว์ก็นับเป็นจุดท่องเที่ยวที่ดีและมีการทำธุรกิจเชื่อมโยงกับไทย

นอกจากนี้ การบินไทยมีแผนจะกลับไปบินตรงเข้าสหรัฐอเมริกาในช่วงกลางปีหน้า 1 จุดบิน หลังจากคาดว่าองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จะปลดธงแดงกับไทย แต่หากยังไม่สามารถปลดธงแดงการบินไทยก็จะขอใบรับรองการบินเข้าไปทำการบินในสหรัฐฯ กับสำนักงานบริหารองค์กรการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (FAA) เหมือนในยุโรปที่บริษัทผ่านมาตรฐานของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งสหภาพยุโรป (EASA)

ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเปิดเส้นทางบินตรงไปยังซีแอตเทิล และซานฟรานซิสโก ซึ่งใช้ระยะเวลาเดินทางใกล้ที่สุดจากกรุงเทพฯ และสามารถเชื่อมต่อเที่ยวบินไปเมืองอื่น ๆ ได้ แต่ยังไม่มีแผนกลับไปบินเส้นทางลอสแองเจลิส เพราะต้องใช้เวลาทำการบินนานกว่า

ทั้งนี้ ในปี 59 การบินไทยจะรับมอบเครื่องบิน แอร์บัส A350 จำนวน 2 ลำในเดือนส.ค.-ก.ย. ส่วนปี 60 จะรับมอบเครื่องบินอีก 7 ลำ ได้แก่ แอร์บัส A350 จำนวน 5 ลำ และโบอิ้ง B787 จำนวน 2 ลำ มารองรับเส้นทางบินไปสหรัฐฯ ขณะเดียวกันในปีนี้ จะปลดระวางเครื่องบินเก่าออก ใกล้เคียงกับจำนวนเครื่องบินที่รับมอบใหม่ ก็จะไม่ทำให้จำนวนที่นั่ง (Capacity) เพิ่ม

ทั้งนี้ บริษัทมีเครื่องบินเก่าจำนวน 11 ลำที่รอขาย จากปีก่อนขายได้ 24 ลำ ขณะที่ปีนี้ขายได้ 1 ลำ

นายจรัมพร กล่าวว่า ส่วนผลการดำเนินงานปีนี้คาดว่าบริษัทจะไม่ขาดทุน โดยส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันโลกยังอยู่ระดับต่ำอยู่ แต่ธุรกิจการบินก็มีการแข่งขันสูงมาก ทำให้กำไรต่อหน่วย (yield) ลดลง

ขณะที่อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ในช่วงเดือนก.ค.ตั้งแต่วันที่ 1-20 ก.ค.เพิ่มมาที่ 76.8% ดีกว่าช่วงเดือน พ.ค.และมิ.ย.ที่เป็นช่วงโลว์ซีซั่น โดยเดือนก.ค.-ส.ค.เป็นช่วงปิดเทอมของฝั่งประเทศยุโรปและสหรัฐฯ ทำให้การบินไทยยังคงเป้าหมาย Cabin Factor ทั้งปีนี้ที่ระดับ 80%

บริษัทจะเพิ่มยอดขายหลายช่องทาง ได้แก่ การขายตั๋วผ่านพันธมิตรมากขึ้นมาเป็น 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 5% ขณะที่สายการบินอื่นมีสัดส่วน 20-25% จากช่องทางขายผ่านพันธมิตร

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนระบบต่าง ๆ เพื่อให้ยอดขายและการบริการดีขึ้น โดยวันที่ 1 ส.ค.นี้จะเริ่มใช้ระบบ Fare Management System เพื่อให้ขายตั๋วในราคาเรียลไทม์ หรือห่างกันประมาณ 1 ชั่วโมง จากที่ปรับราคาตั๋วล่าช้าถึง 3 สัปดาห์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายไม่น้อยกว่า 3% ของรายได้รวม

และระบบ Network Management System เป็นระบบปรับเส้นทางเพื่อให้การเดินทางของลูกค้าได้คล่องตัว โดยขณะนี้กำลังปรับ 13 เที่ยวบินเพื่อให้ Conneting Flight ได้ดีมาก ได้แก่ เดินทางจากออสเตรเลียไปประเทศในยุโรป หรือ ญี่ปุ่นไปอินเดีย โดยคาดว่ารายได้จากส่วนนี้เพิ่มเข้ามาราว 3%

รวมทั้งระบบ Service Ring ที่จะเริ่มใช้ในไตรมาส 4/59 เป็นระบบการให้บริการลูกค้า ได้แก่ การอัพเกรดที่นั่ง การแจ้งปัญหาขัดข้องบนเครื่องบิน เป็นต้น โดยคาดว่ารายได้จะมาจากส่วนนี้ 3-5% จากเดิมมีไม่ถึง 1% ขณะที่สายการบินอื่นมีสัดส่วนรายได้จากส่วนนี้ 6% นอกจากนี้ยังมีระบบการให้บริการจองตั๋วผ่านมือถือ ให้บริการไตรมาส 1/60 ซึ่งช่วยลูกค้าเกิดความสะดวก ซึ่งจะให้บริการควบคู่การจองตั๋วในปัจจุบัน รวมถึงยังมีอีก 2-3 ระบบที่จะเปิดให้บริการในปีหน้า

นายจรัมพร กล่าวว่า บริษัทยังติดตามสถานการณ์จากกรณีที่อังกฤษจะแยกตัวออกสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งเบื้องต้น มองว่าเป็นโอกาสทั้งธุรกิจท่องเที่ยว และการเข้าไปลงทุน เพราะช่วงนี้ค่าเงินปอนด์แข็งค่า และคนอังกฤษอาจปรับแผนการเดินทางมาเที่ยวไทยแทนจะไปจุดท่องเที่ยวที่มีราคาแพงกว่า ซึ่งฝ่ายการตลาดเริ่มทำตลาดแล้วในอังกฤษบ้างแล้ว ขณะที่บริษัทได้ประโยชน์อีกด้านจากที่บริษัทมีเงินกู้สกุลยูโรจำนวนมาก จากการที่เงินยูโรอ่อนค่าจากกรณีดังกล่าว

"Brexit ผลดีไม่เท่าผลร้าย การท่องเที่ยวน้อยลง ธุรกิจก็น้อยลง เราก็ยังมอนิเตอร์ แต่เราก็ใช้วิกฤตเป็นโอกาสได้"นายจรัมพรกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ