ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,518.85 จุด เพิ่มขึ้น 3.45 จุด (+0.23%) มูลค่าการซื้อขาย 30,237.15 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยปรับขึ้นแตะสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,520.07 จุด และทำระดับต่ำสุดของช่วงเช้าที่ 1,510.57 จุด
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ อิงแดนลบ คล้ายกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างก็ติดลบกัน ภายหลังผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อกมาตามคาด โดยคงอัตราดอกเบี้ย จากนี้ก็ต้องรอดูเงินเฟ้อของสหรัฐฯจะขยับขึ้นหรือเปล่า แต่มีการส่งสัญญาณว่าช่วงสั้นเงินเฟ้อของสหรัฐฯยังไม่ขยับขึ้น ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อก็จะเป็นตัวหนึ่งที่ใช้ในการพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่จะมีการประชุมรอบหน้าในเดือนก.ย.
จากนี้ไปก็ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 29 ก.ค.นี้ ว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมออกมาหรือไม่ หรือจะมีการขยายวงเงิน QE หรือไม่ ซึ่งถ้าไม่มีก็ไม่ได้ทำให้ตลาดแย่ เพราะญี่ปุ่นได้เพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลัง โดยจะอัดฉีดเงิน 28 ล้านล้านเยน
ดังนั้นในช่วงที่ตลาดฯยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา จึงได้มี Sell on fact ออกมาก่อน อย่างไรก็ดี เงินบาทยังแข็งค่าทำให้เป็นแรงหนุนให้ Fund Flow ยังไหลเข้ามา
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายศราวุธ กล่าวว่า ตลาดฯมีโอกาสที่จะกลับไปบวกได้ เพราะเงินบาทยังแข็งค่า จึงทำให้มีโอกาสที่ Fund Flow จะเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่ม พร้อมให้แนวรับ 1,510 จุด ส่วนแนวต้าน 1,524 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,443.73 ล้านบาท ปิดที่ 190.50 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท
BEM มูลค่าการซื้อขาย 1,643.38 ล้านบาท ปิดที่ 8.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
AAV มูลค่าการซื้อขาย 1,240.31 ล้านบาท ปิดที่ 6.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,156.62 ล้านบาท ปิดที่ 169.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,034.06 ล้านบาท ปิดที่ 153.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท