ดัชนีกลุ่มสื่อสารขยับขึ้น 1.29% มาอยู่ที่ 169.41 จุด เพิ่มขึ้น 2.15 จุด เมื่อเวลา 10.20 น. นำโดยหุ้น ADVANC บวก 1.70% มาอยู่ที่ 179.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,178.43 ล้านบาท
หุ้น INTUCH บวก 1.67% มาอยู่ที่ 60.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 418.65 ล้านบาท
หุ้น DTAC บวก 1.56% มาอยู่ที่ 32.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 285.59 ล้านบาท
หุ้น TRUE บวก 1.12% มาอยู่ที่ 9.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 760.52 ล้านบาท
หุ้น JAS บวก 0.88% มาอยู่ที่ 5.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท มูลค่าซื้อขาย 554.64 ล้านบาท
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า Fund Flow ยังมีโอกาสไหลเข้าต่อเนื่อง คาดว่าจะไปเน้นเก็บกลุ่ม Big Cap อื่น ๆ มองสื่อสารเป็นเป้าหมายถัดไป
ทั้งนี้ เลือก บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) เป็น Top Pick ของวันนี้ โดยให้ราคาเหมาะสมทางพื้นฐาน 205 บาท คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของกำไรในไตรมาส 2/59 ด้วยกำไรปกติที่เพิ่มขึ้น 25% QoQ จากเงินอุดหนุนค่าเครื่องมือถือที่ลดขนาดลงอย่างมีนัยจากไตรมาส 1/59 โดยได้ปรับเพิ่มปันผลต่อหุ้น (DPS) ขึ้น 28% ในปี 2559 หลัก ๆ เพื่อสะท้อนสมมุติฐานอัตราการจ่ายปันผล 100% และปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้น 3% เพื่อสะท้อนความล่าช้าของข้อตกลงกับ TOT ปัจจุบันบริษัทกำลังประเมินทางเลือกทางการเงิน ซึ่งอาจหมายรวมถึงการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IF)
พร้อมให้ราคาเป้าหมายระยะสั้น 185 บาท ตัดขาดทุน 170 บาท
ด้าน บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) โดยมีราคาเป้าหมายที่ 6.65 บาท แม้ตลาด FBB จะมีการแข่งขันสูง แต่เชื่อว่า JAS จะมีกำไรเติบโตสูงขึ้นในปี 59-60 จากเหตุผลสองประการ 1.เชื่อว่าอยู่ในสถานะที่สามารถผลักดันให้รายได้เติบโตด้วยความได้เปรียบในฐานะผู้บุกเบิกด้านการขยายโครงข่าย FBB, การปรับปรุงโครงข่ายจากสายทองแดงเป็นเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง และการนำเสนอแพ็คเกจราคาที่คุ้มค่า 2. มองว่าอัตราส่วน EBITDA จะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากค่าเช่าโครงข่ายที่ให้กับ JASIF น่าจะทรงตัว ทำให้ JAS ได้ประโยชน์จาก operating leverage มากขึ้น
ปัจจัยผลักดันราคาหุ้นคือ 1. จำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นสุทธิใน H2/59 และปี 60 จากการขยายโครงข่ายเชิงรุกและแพ็คเกจราคาที่น่าสนใจ, 2. อัตราส่วน EBITDA เพิ่มขึ้นด้วยผลดีจาก operating leverage , 3. กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นและตัวหารกำไรที่ลดลงจากแนวโน้มที่บริษัทจะตัดหุ้นซื้อคืน และ 4. upside ต่อผลกำไรจากการขายสินทรัพย์และเช่ากลับจากกองทุนรอบใหม่