K ชิงงานราว 1 พันลบ.ใน H2/59 หวังได้ 50%,เจรจารับงานใหญ่ตกแต่งห้างจากญี่ปุ่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 29, 2016 10:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชยวัฒน์ พิเศษสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ (K) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีงานที่รอเข้ายื่นประมูลและอยู่ระหว่างรอผลการประมูลทั้งงานการจัดแสดงสินค้าและการจัดโชว์ผลงานอื่นๆ (Exhibition) และงานตกแต่งภายในและออกแบบภายใน (Interior) ในช่วงครึ่งปีหลังมูลค่ารวมราว 1 พันล้านบาท แบ่งเป็นงาน Exhibition มูลค่า 200-300 ล้านบาท และงาน Interior มูลค่า 700-800 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นงานตกแต่งภายในของโรงแรมมูลค่าราว 300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือแป็นงานตกแต่ภายในเพื่อปรับปรุงห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงาน โดยบริษัทคาดหวังจะได้รับงานราว 50% ของมูลค่างานทั้งหมด

และในช่วงปลายปีนี้บริษัทยังได้รับงานใหญ่ที่เป็นงาน Exhibition อีก 1 งาน เพิ่มเติมจากการจัดงาน Motor Expo คือ ITU Telecom World 2016 ในวันที่ 14-17 พฤศจิกายน 59 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีมูลค่างานส่วนกลางอยู่ที่ 5-10 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมมูลค่างานของการตกแต่งบูธของผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่จะเข้ามาร่วมงาน

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อรับงานขนาดใหญ่ตกแต่งภายในให้กับห้างสรรพสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นแห่งหนึ่งที่กำลังจะมาเปิดในประเทศไทย ซึ่งบริษัทเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับงานดังกล่าว โดยงานนี้จะเริ่มในอีก 2 ปีข้างหน้า

นายชยวัฒน์ กล่าวว่า ภาพรวมของอุตสาหรรมตกแต่งภายในในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นจากครึ่งปีแรกที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ โดยจะเห็นว่าห้างสรรพสินค้าของกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ต่าง ๆ เริ่มมีการลงทุนกันมากขึ้น ซึ่งบริษัทมองว่ามีโอกาสที่เข้าไปรับงานค่อนข้างสูง ส่วนงานการจัดงานแสดง (Exhibition) ยังมีการจัดงานอย่างต่อเนื่องและมีจำนวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งการขยายพื้นที่ของศูนย์แสดงสินค้าไบเทคบางนาอีกจะเป็นโอกาสให้บริษัทมีการเติบโตที่ดีขึ้น

ส่วนภาพรวมทั้งปีบริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะยังทำได้เติบโต 20-25% จากปีก่อนที่มีรายได้ 954.44 ล้านบาท ซึ่งรายได้จะแบ่งสัดส่วนออกเป็นรายได้จากงาน Interiors 50% และรายได้จากงาน Exhibition 40% อีกทั้งบริษัทยังมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่ยังรอรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังอยู่ที่ 850 ล้านบาท

บริษัทยังอยู่ในระหว่างดำเนินการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยมีแผนเพิ่ม Business Unit เป็น 4 Unit จากเดิมที่มีอยู่ 3 Unit เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเข้ารับงาน โดยเฉพาะงาน Interior ให้กับ End User เช่นงานออกแบบตกแต่งห้องพัก Hi-end condominium ให้กับชาวต่างขาติ คาดว่าในอนาคตจะมีงานลักษณะนี้เพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง

ปัจจุบันบริษัทเริ่มเข้ารับงานดังกล่าวมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจออกแบบและตกแต่งภายในจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าธุรกิจงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ โดยปีนี้บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจออกแบบ และตกแต่งภายในอยู่ที่ราว 60% และธุรกิจงานแสดงสินค้า และนิทรรศการ รวมถึงงานอื่น ๆ อยู่ที่ 40% ขณะที่คาดว่าในอีก 3-5 ปีของธุรกิจออกแบบและตกแต่งภายในจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย

นายชยวัฒน์ กล่าวถึงแผนขยายตลาดในต่างประเทศว่า บริษัทยังคงเน้นการขยายการรับงานในเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชาเป็นหลัก เนื่องจากมีพื้นที่ติดกับประเทศไทยทำให้การบริหารจัดการไม่ยุ่งยาก หรือซับซ้อนมากนัก ซึ่งต่อจากนี้ไปสาขาในต่างประเทศจะมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในยุค 4.0 ที่ประชาชน และผู้บริโภคสามารถเข้าถึง และรับรู้ถึงความเจริญความทันสมัยของสิ่งต่างๆ ส่งผลให้ในหลายๆ ประเทศมีความต้องการที่จะพัฒนาให้มีความทันสมัย ทัดเทียมกับประเทศที่เจริญแล้วเพิ่มสูงขึ้น

“ความร่วมมือกับทางสิงคโปร์ในครั้งนี้จะเน้นที่การพัฒนาธุรกิจร่วมกัน มีการรับงานร่วมกัน ส่งลูกค้าให้กันผ่าน technical know how ในการทำแบรนด์ช็อปแต่ละแบรนด์ จัดทำสัมมนาภายในร่วมกันทั้ง 19 ออฟฟิศในหัวข้อต่างๆ เช่น marketing, project management และ design forum เป็นต้น ส่วนภาพรวมของธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา เราปรับกลยุทธ์ในการขยายตลาดไปยังงานออกแบบ และตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล, ภัตตาคาร, Hi-end condominium, อาคารสำนักงานต่างๆ ซึ่งมูลค่า และขนาดพื้นที่ของงานจะสูงกว่าค่อนข้างมาก ความยากของงานจะน้อยกว่า อีกทางหนึ่งเรากำลังขยายทีมเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดตกแต่งภายในที่กำลังจะขยายเยอะมากในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า"นายชยวัฒน์ กล่าว


แท็ก ญี่ปุ่น  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ