KTBST มอง SET สัปดาห์นี้เงินทุนไหลเข้ายังหนุนแต่อาจแผ่วช่วงปลายก่อนลงประชามติ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 1, 2016 09:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังมีทิศทางเป็นบวกเนื่องจากทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐที่ยังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีปัจจัยลบเข้ามาจากเรื่องผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และตัวเลข GDP ไตรมาส 2/59 ของสหรัฐที่ออกมาอยู่ที่ 1.2% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ 2.5-2.6%

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่มีโอกาสบวกได้หากค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลงต่อเนื่องก็ยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น รวมทั้งการเข้ามาเก็งกำไรผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/59 และปัจจัยบวกจากเงินทุนไหลเข้า (Fund Flow) ของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด เรายังมองว่าเงินยังไหลเข้าตลาดต่อเนื่อง แต่อาจชะลอตัวลงก่อนการลงประชามติ

ดังนั้น ตลาดหุ้นจึงอาจแรงช่วงต้นสัปดาห์และแผ่วปลายสัปดาห์ จึงแนะให้ขายทำกำไรในจังหวะที่หุ้นกำลังไต่ระดับขึ้น แต่สำหรับนักเก็งกำไรการเข้าลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศจะสลับกลุ่มเล่นอยู่ตลอดเวลา จึงแนะนำให้เน้นแบบสั้นๆ เล่นหุ้นกลุ่มหลักๆ ซึ่งกลุ่มที่เด่นสัปดาห์นี้จะเป็นหุ้นกลุ่มธนาคาร, กลุ่มผู้ประกอบการโทรศัพท์, กลุ่มรับเหมาฯ และกลุ่ม Domestic Play ที่มีฐานรายได้ในเขตภูมิภาค

KTBST มองหุ้นที่น่าน่าลงทุนในสัปดาห์นี้ ได้แก่ BBL,KBANK,KKP,ADVANC ซึ่งได้ประโยชน์จากเงินไหลเข้า หุ้นกลุ่มรับเหมา STEC,MC และหุ้นที่ปรับตัวลงมามากอย่าง AUCT,ORI

ทั้งนี้ มองแนวโน้มดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ระดับดัชนี 1,521 จุด เป็นจุดที่เฝ้าระวังหากต่ำกว่านี้เป็นการปรับฐานแต่หากเดินหน้าต่อไปได้ ดัชนีน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,530-1,550 จุด

ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ การประกาศตัวเลข PMI และ ISM ของสหรัฐฯ-อียู-จีน ในช่วงต้นสัปดาห์หากออกมาดีจะเป็นบวกต่อตลาด ขณะที่การประชุมธนาคารกลางอังกฤษในวันพฤหัส (4 ส.ค) หากมีการปรับเพิ่มวงเงิน QE จากเดิม 3.75 แสนล้านปอนด์ ก็จะเป็นผลบวกต่อตลาด ส่วนตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ มีน้ำหนักต่อตลาดน้อยลงหลัง GDP ออกมาต่ำกว่าคาด ส่วนราคาน้ำมันดิบได้อานิสงค์จากเงินดอลล่าร์ที่อ่อนค่า แม้ความกังวลต่อภาวะ oversupply ยังมีอยู่ จากการผลิตของสหรัฐฯที่สูงขึ้นจากการใช้แท่นผลิตน้ำมัน (Rig Count) ที่เพิ่มขึ้นติดต่อกัน และการผลิตของกลุ่ม OPEC ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย อาจหนุนราคาหุ้นผลิตโรงกลั่นน้ำมันให้กระเตื้องขึ้น ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวตลาดหุ้นไทยจึงไม่ต้องมากังวลกับตลาดหุ้นต่างประเทศในช่วงนี้

ส่วนปัจจัยในประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ฯ จะรายงานตัวเลข GDP ในวันที่ 15 ส.ค.โดยไตรมาสแรก GDP ขยายตัวอยู่ที่ 3.2% และคาดการณ์ว่าไตรมาส 2 จะออกมาดีจากการใช้จ่ายภาครัฐและการใช้จ่ายภาคเอกชนที่สูงขึ้นเช่นกันซึ่งมาจากรายได้ของเกษตรกรที่สูงขึ้นถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นที่มีฐานรายได้ในเขตภูมิภาค จึงมองว่ารูปแบบของ SET Index เดือน ก.ค.-ส.ค. ยังน่าจะมีลักษณะที่คล้ายกัน คือมีพักฐานและเดินหน้าต่อ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ