KTIS รับปีนี้กำไรลดลงจากปีก่อนจากเดิมคาดทรงตัว หลังภัยแล้งทำผลผลิตอ้อยต่ำเป้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 22, 2016 11:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิรยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแรล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) ยอมรับว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อน จากเดิมที่คาดว่าจะสามารถรักษาไว้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีกำไร 729.95 ล้านบาท เนื่องจากภัยแล้งรุนแรงที่เกิดขึ้นส่งผลให้ปริมาณการหีบอ้อยในฤดูกาลผลิต 58/59 มีเพียง 94 ล้านตัน ลดลงไปมากจากฤดูกาลการผลิต 57/58 ที่มีอ้อยเข้าหีบประมาณ 106 ล้านตัน

โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกอ้อยของชาวไร่อ้อยคู่สัญญาของบริษัทส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่แห้งแล้ง ส่งผลให้ปริมาณอ้อยเข้าหีบลดลงไปมากจาก 9.8 ล้านตัน เหลือเพียง 7.5 ล้านตัน ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบกับปริมาณน้ำตาลทรายแล้ว ยังกระทบไปถึงกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ทั้งเยื่อกระดาษและไฟฟ้าด้วย

"ก่อนหน้านี้เรามีเป้าหมายที่จะรักษาระดับกำไรสุทธิให้ใกล้เคียงกับปีก่อน แต่จากสถานการณ์ภัยแล้งที่รุนแรงมากในช่วงที่ผ่านมาทำให้ปริมาณอ้อยออกมาน้อยส่งผลให้ทั้งปริมาณน้ำตาล และผลิตภัณฑ์อื่นๆปรับตัวลดลงไปด้วย ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกกำไรสุทธิลดลงกว่า 70% ซึ่งตอนนี้เรายังบอกไม่ได้ว่าทั้งปีกำไรจะลดลงมากน้อยแค่ไหน และจะเห็นได้ชัดๆก็คงเป็นช่วงสิ้นไตรมาส 3/59 หรืออีก 1-2 เดือนข้างหน้า"นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการทั้งในแง่รายได้และกำไรช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยแนวโน้มราคาน้ำตาลยังปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมาที่ 19-22 เซนต์ต่อปอนด์ เพิ่มขึ้นจากช่วงที่ผ่านมาที่อยู่ในระดับ 16-17 เซนต์ต่อปอนด์ ประกอบกับเห็นสัญญาณที่ดีจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น และเชื่อว่าปริมาณอ้อยจะเข้ามามากขึ้น

"ช่วงที่ผ่านมาปริมาณน้ำตาลน้อยลง ก็ทำให้ผลิตภัณฑ์อื่นๆหายไปด้วย แต่ช่วงครึ่งปีหลังเริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นที่จะทำให้ช่วงปลายปีมีอ้อยเข้ามาให้หีบมากขึ้น เราก็จะมีน้ำตาลเพิ่ม และทำให้โรงไฟฟ้าเดินเครื่องได้ ก็คงช่วยให้กำไรของเราให้ดีขึ้น"นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/59 กลุ่ม KTIS ทำกำไรได้สูง 93.76 ล้านบาท รวม 6 เดือนมีกำไรสุทธิ 143.41 ล้านบาท โดยช่วงไตรมาส 2 รายได้จากสายธุรกิจเอทานอลเพิ่มขึ้น 18.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่กำไรจากสายธุรกิจน้ำตาลทรายดีขึ้นเนื่องจากราคาน้ำตาลในตลาดโลกสูงขึ้น

"แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ภาคการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายจะชะลอตัวทั้งอุตสาหกรรม เมื่อเทียบกับปี 2558 เนื่องจากประมาณอ้อยเข้าหีบลดน้อยลงจากผลกระทบของภัยแล้ง แต่กลุ่ม KTIS ก็พยายามควบคุมค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ ทำให้สามารถทำกำไรได้ในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา"นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่สองกลุ่ม KTIS มีรายได้จากการจำหน่ายเอทานอลเพิ่มขึ้นตามปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น และรายได้จากการขายไฟฟ้าสูงขึ้นจากโรงไฟฟ้าไทยเอกลักษณ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อเดือน เม.ย.59 แต่รายได้จากสายธุรกิจน้ำตาลลดลงไป 20.9% ทำให้รายได้จากการขายและการให้บริการในไตรมาส 2/59 ลดลงประมาณ 20.2% โดยที่กำไรสุทธิลดลงประมาณ 14.4% น้อยกว่าการลดลงของรายได้

“ในครึ่งปีหลัง โรงไฟฟ้าอีกแห่งหนึ่ง คือรวมผลไบโอเพาเวอร์ จะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสที่ 3 หรือต้นไตรมาสที่ 4 ทำให้โรงไฟฟ้าของกลุ่ม KTIS เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ครบทั้ง 3 แห่ง ซึ่งจะทำให้รายได้ในสายธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น" นายนายณัฎฐปัญญ์ กล่าว

ส่วนโครงการผลิตน้ำเชื่อม (Liquid Sucrose) และโครงการผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ (Super Refined Sugar) ที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ถือหุ้นคือ บริษัท นิสชิน ชูการ์ และบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ด้วยว่า ขณะนี้ได้ผลิตน้ำเชื่อมและจัดส่งให้ลูกค้าซึ่งเป็นผู้ประกอบการเครื่องดื่มรายใหญ่แล้ว ส่วนน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษนั้นมุ่งไปที่ตลาดส่งออก ซึ่งจะเห็นการรับรู้รายได้ที่ชัดเจนตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปีนี้เป็นต้นไป


แท็ก เนชั่น  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ