(เพิ่มเติม) CMO จับมือ"ไร้ท์แมน"ร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจต่อยอดธุรกิจ,ลุ้นโอกาสพลิกเป็นกำไรใน Q4/59

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 22, 2016 17:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ซีเอ็มโอ (CMO) และบริษัท ไร้ท์แมน จำกัด ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างกัน โดยจะตั้งบริษัทร่วมทุนภายใน 6 เดือน หวังต่อยอดธุรกิจขยายตลาดในอาเซียน โดยตั้งเป้าหมายจะลงทุนร่วมกันปีละ 400 ล้านบาท เพื่อสร้างรายได้รวมอยู่ที่ 3 พันล้านบาทภายในปี 62 ขณะที่ล่าสุด"เสริมคุณ คุณาวงศ์" ขายหุ้นใน CMO ให้"อุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ" กรรมการผู้จัดการ ของไร้ท์แมน เข้ามาถือหุ้น 14.99% ช่วยต่อยอดงานในส่วนที่บริษัทยังขาดความชำนาญ พร้อมลุ้นโอกาสพลิกมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4/59 หลังจากขาดทุนสุทธิต่อเนื่องในไตรมาส 1 และ 2 ปีนี้ นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMO กล่าวว่า บริษัทจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท ไร้ท์แมน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดงานอีเว้นท์ และเอ็กซิบิชั่นแบบครบวงจร มีความโดดเด่นในการสร้างสรรค์งานด้านการออกแบบและนวัตกรรม และเป็นผู้นำด้านงานพิพิทธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้มากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังกันเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้ครอบคลุมงานทุกประเภท เพื่อสร้างผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และรักษาความเป็นผู้นำธุรกิจ โดยมีเป้าหมายและแนวทางการดำเนินงานร่วมกัน 3 ด้าน ได้แก่ 1.การประสานความร่วมมือทางธุรกิจ โดยใช้จุดแข็งของแต่ละบริษัทในการดำเนินงาน ซึ่ง CMO มีจุดแข็งด้านครีเอทีฟอีเวนท์ และกลุ่มงานด้านบริการระบบภาพ แสงและเสียง แบบครบวงจร ส่วนไร้ท์แมน มีความโดดเด่นในการสร้างสรรค์งานออกแบบ และนวัตกรรม ประเภทงานก่อสร้าง

2.การศึกษาและขยายงานเจาะตลาดคอมเมอร์เชียล อินทีเรีย อาทิ งานตกแต่งศูนย์การค้า, โรงแรม โชว์รูมรถยนต์, แฟลกชิพสโตร์ (Flagship Store) ในกลุ่มประเทศอาเซียน และ 3. การลงทุนร่วมกันในโครงการด้านธุรกิจท่องเที่ยว (Tourist Attraction) เพื่อจับกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงการลงทุนขยายงานด้านนี้ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา, ลาว, เมียนมา และเวียดนาม

นายเสริมคุณ กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนลงทุนร่วมกันในงานด้านธุรกิจสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศกลุ่มอาเซียน และประเทศอื่น ๆ ในโลกอีกด้วย ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีความต้องการสูง โดยที่ผ่านมา CMO ก็มีธุรกิจในกลุ่มงานนี้อยู่แล้ว อาทิ สวนสนุกอิเมจิเนีย และ หิมพานต์ อวตาร ที่เป็นการแสดงวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย ผสานเทคนิคแสงสีเสียง

ขณะเดียวกัน บริษัท ไร้ท์แมน ก็มีการสร้างสวนสนุกไดโนเสาร์เคลื่อนที่ และการบริหารโครงการแหล่งเรียนรู้แบบครบวงจร อาทิ นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ พิพิธภัณฑ์เหรียญ และพิพิธบางลำพู เป็นต้น

ทั้งนี้ จากการร่วมเป็นพันธมิตรระหว่างกันครั้งนี้ จะทำให้กลุ่มพันธมิตรทั้งสองบริษัทนี้มีศักยภาพเติบโตสุงสุด โดยมีแผนการลงทุนร่วมกันปีละ 400 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายรายได้รวมอยู่ที่ 3 พันล้านบาทภายในปี 62 ครอบคลุมงานทุกประเภท ทั้งในกลุ่มธุรกิจอีเว้นท์,พิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้ ,งานคอมเมอร์เชียล อินทีเรีย ,ธุรกิจท่องเที่ยว ,ธุรกิจงานด้านเอนเตอร์เทนเม้นท์ และไลฟ์สไตล์ ตลอดจนกลุ่มงาน Event Supply อาทิ ระบบภาพ แสง เสียง และมัลติมิเดีย งานออกแบบก่อสร้างและการบริการระบบสาธารณูปโภคในงานอีเว้นท์

นายเสริมคุณ กล่าวว่า ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวบริษัทคาดว่าจะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใน 6 เดือนจากนี้ ซึ่งจะเน้นรับงานประเภทคอมเมอร์เชียล อินทีเรีย และงานประเภทตกแต่ง Attraction ซึ่งจะมีความชัดเจนของงานที่เริ่มทำงานร่วมกันในปีนี้ 2 งาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

"ความร่วมมือกับบริษัท ไร้ท์แมน ในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทได้เห็นถึงการนำจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัทมาทำงานร่วมกันให้ควบวงจรมากขึ้น เพื่อต่อยอดธุรกิจ และวางแผนสู่ตลาดอาเซียนอย่างเป็นระบบร่วมกัน โดยเฉพาะงานด้านการออกแบบ การผลิต และด้านคอนสตรัคชั่น ที่เป็นจุดแข็งของบริษัท ไร้ท์แมน ทำให้บริษัทเห็นการเติบโตในงานด้านนี้ จึงมีเป้าหมายที่จะเข้าไปเจาะตลาดประเภทคอมเมอร์เชียล อินทีเรีย รูปแบบงานก่อสร้างอาคาร งานตกแต่งศูนย์การค้าและแฟลกชิฟสโตร์ ที่จะมีการรีโนเวทใหม่ทุก ๆ 3-5 ปี และมีการขยายสาขาต่าง ๆ มากขึ้น ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างมากในระยะยาว โดยเฉพาะไนกลุ่มประเทศ AEC โดยบริษัทจะนำความชำนาญในด้านครีเอทีฟอีเว้นท์ ที่ไช้เทคโนโลยีระบบภาพ และเสียง และมัลติมีเดียที่ทันสมัยมาผสมผสานกับการออกแบบก่อสร้าง โดยเฟสแรกจะมุ่งเจาะตลาดในประเทศเมียนมาก่อน"นายเสริมคุณ กล่าว

ปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าของ CMO ส่วนใหญ่กว่า 80% เป็นภาคเอกชน ในขณะที่กลุ่มลูกค้าของไร้ท์แมน 80% เป็นภาครัฐ ซึ่งจะส่งผลให้ทั้ง 2 บริษัท มีกลุ่มลูกค้าในตลาดงานอีเว้นท์ที่ใหญ่ขึ้น

นายเสริมคุณ กล่าวอีกว่า สำหรับการที่นายอุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด เข้ามาถือหุ้นใน CMO สัดส่วน 14.99% นั้นมองว่านายอุปถัมป์ เข้ามาถือหุ้นเพื่อการลงทุน ซึ่งบริษัท ไร้ท์แมน จำกัด มีการทำธุรกิจที่คล้ายคลึงกับ CMO อีกทั้งการที่นายอุปถัมป์ จะมีส่วนช่วยเหลือในงานที่บริษัทยังขาดความชำนาญเพื่อช่วยต่อยอดธุรกิจให้มีการเจริญเติบโตได้ในอนาคต

ส่วนนายอุปถัมป์ จะเข้ามาเป็นคณะกรรมการของบริษัทหรือไม่นั้น จะต้องมีการปรึกษากับคณะกรรมการบริษัทในปัจจุบันว่ามีความเห็นอย่างไร แม้ว่านายอุปถัมป์ จะมีสิทธิที่จะเข้ามานั่งเป็นคณะกรรมการของบริษัทได้ เนื่องจาก CMO และไร้ท์แมน ในทางธุรกิจนั้นยังถือว่าเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกัน จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

อนึ่ง เมื่อวันศุกร์ CMO แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า นายเสริมคุณ ได้ทำการขายหุ้น CMO ผ่านรายการบิ๊กล็อตจำนวน 14.99% ให้กับนายอุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ ส่งผลให้นายอุปถัมป์เข้ามาถือหุ้นใน CMO จำนวน 14.99% และนายเสริมคุณ คงเหลือการถือหุ้นใน CMO จำนวน 28.86% โดยยืนยันว่าโครงสร้างการบริหารจัดการและนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงเหมือนเดิม ไม่มีผลกระทบต่อการบริหารจัดการอย่างมีนัยสำคัญ

นายเสริมคุณ กล่าวอีกว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานมีโอกาสพลิกกลับมามีกำไรได้ในช่วงไตรมาส 4/59 หลังจากที่ครึ่งปีแรกมีผลขาดทุน 50.73 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 4 เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจที่จะมีงานอีเว้นท์ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ประกอบกับ 2 ธุรกิจใหม่ที่เริ่มเมื่อปีก่อนจะมีกำไรเป็นครั้งแรกในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ได้แก่ ธุรกิจไลฟ์สไตล์ อย่างเช่น MOMENTUM S และ MUSE เริ่มมีกำไรในครึ่งปีหลัง รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิงและสวนสนุก ได้แก่ การแสดงหิมพานต์ อวตารที่ SHOW DC จะเริ่มสร้างรายได้เข้ามา และสวนสนุกอิเมจิเนีย เพลย์แลนด์ เริ่มมีกำไรแล้ว ทั้งนี้ บริษัทยังมั่นใจว่าผลการดำเนินงานทั้งปีนี้จะยังคงมีกำไร และรายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1.4 พันล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) มูลค่า 400 ล้านบาท จากที่มีอยู่ทั้งหมด 900 ล้านบาท อีกทั้งยังเดินหน้าเข้าเสนองานเพิ่มเติม โดยบริษัทมีการเข้าไปเสนองานแล้วมูลค่าราว 500 ล้านบาท และคาดหวังจะได้งานเกือบทั้งหมดที่เสนอไปในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ขณะเดียวกัน บริษัทได้รับความชัดเจนในการที่มีผู้ขอซื้อเฟรนไชส์สวนสนุกอิเมจิเนีย เพลย์แลนด์ จากผู้ที่สนใจ 1 รายในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งบริษัทจะมีการเซ็นสัญญากับผู้ที่ขอซื้อเฟรนไชส์ดังกล่าวในช่วงครึ่งปีหลัง และจะรับรู้รายได้เข้ามาทันที อีกทั้งบริษัทยังมีการเจรจากับผู้ที่สนใจจะซื้อเฟรนไชส์อีก 3 รายใน AEC แต่ยังไม่ได้รับความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ