(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นบวกหลังต่างชาติกลับมาซื้อเพิ่มแต่ยังขาดปัจจัยขับเคลื่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 23, 2016 09:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสจะอยู่ในแดนบวกได้เล็กน้อย โดยเฉพาะจากประเด็นนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 2 พันล้านบาทเมื่อวานนี้ จากก่อนหน้าซื้อสุทธิแค่กว่า 400 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ตลาดฯ ยังไม่มั่นใจมากนัก คงจะต้องรอทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติให้แน่นอนก่อน

อีกทั้งตลาดฯ ขาดปัจจัยขับเคลื่อนอย่างชัดเจน และมีความเสี่ยงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสผันผวน ดังนั้น ตลาดฯจึงมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานได้บ้าง

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งแดนบวก-ลบช่วง -0.5% ถึง +0.5% พร้อมให้กรอบการแกว่งตัวของตลาดหุ้นไทยวันนี้ไว้ที่ 1,530-1,545 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 ส.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,529.42 จุด ลดลง 23.15 จุด (-0.12%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,244.60 จุด เพิ่มขึ้น 6.22 จุด (+0.12%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,182.64 จุด ลดลง 1.23 จุด (-0.06%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 48.37 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.24 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 70.44 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 5.26 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.41 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 6.32 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ส.ค.59) 1,539.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.48 จุด (+0.03%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,015.64 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ส.ค.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 ส.ค.59) ปิดที่ 47.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.47 ดอลลาร์ หรือ 3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ส.ค.59) ที่ 4.28 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.63 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ ตลาดรอจับตาถ้อยแถลงประธานเฟด
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานมูลค่าการใช้บัตรพลาสติกเพื่อ การชาระเงินในระบบธนาคารพาณิชย์ และบริษัทผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นันแบงก์) ล่าสุดในเดือน มิ.ย.ปีนี้ ว่า มีมูลค่ารวม 1.17 ล้านล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน 9,000 ล้านบาท หรือ 0.77% และลดลงจากเดือนก่อนหน้า 4.6 หมื่นล้านบาท หรือ 3.79%
  • คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ผันผวนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ราคาขายปลีกดีเซลในประเทศยังอยู่ที่ระดับ 24 บาท/ลิตร ซึ่งยังไม่น่ากังวล และยังไม่จำเป็นต้องใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปดูแล เนื่องจากเป็นเรื่องของกลไกตลาด
  • รายงานข่าวจากการเคหะแห่งชาติ เปิดเผยว่า มีผู้รับเหมาก่อสร้าง 4 รายใหญ่สนใจซื้อสองประมูลงานก่อสร้างโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงในเฟสแรก ที่จะเริ่มพัฒนาโครงการอาคารพักอาศัยแปลงจี วงเงิน 460.53 ล้านบาท โดยจะเซ็นสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาได้ภายในเดือน ก.ย.นี้ และเริ่มก่อสร้างในเดือน ต.ค.
  • ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ประเมินว่าการแข็งค่าของเงินบาทช่วงนี้อาจไม่ได้กระทบต่อการส่งออก เนื่องจากยังเคลื่อนไหวเกาะกลุ่มไปกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาค จากเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศที่ไหลเข้ามาทั่วทั้งภูมิภาค โดยเงินบาทที่แข็งค่า 4% ตั้งแต่ต้นปีสอดคล้องคู่ค้าและคู่แข่งสำคัญ เช่น มาเลเซียแข็งค่าขึ้นกว่า 7% เกาหลีใต้ 5.8% สิงคโปร์ 5.2% และเวียดนาม 1.9% เป็นต้น จึงไม่ส่งผลต่อความได้เปรียบเสียเปรียบต่อภาคส่งออกไทยมากนัก
  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี สั่งกระทรวงการคลังคิดมาตรการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมให้กับผู้ประกอบการที่ไปลงทุนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากที่ลดให้แล้วอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มแรงจูงใจ เบื้องต้นคลังจะเสนอมาตรการภาษีเป็นแพ็กเกจ เช่น ให้ผู้ประกอบการที่เริ่มกิจการใหม่ไปลงทุนใน 3 จังหวัดภาคใต้ได้ลดหย่อนภาษีมากขึ้นและนานขึ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

  • WICE (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 4.40 บาท กำลังขยายตัวดีทั้งธุรกิจเดิมที่การค้าระหว่างประเทศและค่าระวางเรือมีแต่จะดีขึ้น และการเข้ามาของ 2 ธุรกิจใหม่ คือ บริหารคลังสินค้าและการเข้าซื้อหุ้น SEL ส่งผลให้กำไรในช่วง 3 ปีข้างหน้าเติบโตสูง พร้อมประเมินกำไรปีนี้ที่ 98 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 149 ล้านบาทในปี 61 หรือเติบโตเฉลี่ยปี 59-61 ถึง 35% ต่อปี
  • TSR (เออีซี) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 7.50 บาท ช่วง H2/59 คาดกำไรสุทธิหดตัว 20.8%YoY จากปัญหาค่าใช้จ่ายหนี้สูญ กดดันให้ทั้งปี 59 คาดกำไรหดตัว 19.2%YoY ก่อนพลิกกลับมาโตต่อปีละ 53.4% ในปี 60-61 ด้วยแรงหนุนจากกลยุทธ์เชิงรุกทั้งการเพิ่มสาขา สินค้าใหม่ และ Telesales บวกกับ การสยายปีกจากแผนรุกตลาดประเทศลาว และธุรกิจใหม่สินเชื่อรายย่อย อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 33.9% และคาดให้ Div. Yield ปีละ 2.4%
  • BA (ยูโอบี เคย์เฮียน)"ทยอยซื้อสะสม"เนื่องจากช่วง Q2/59 ขาดทุนเนื่องจากค่าใช้จ่ายพิเศษทางด้านภาษีซึ่งเป็น one-time expense ทำให้ปัจจุบันราคาหุ้นยังขึ้นมาไม่มากหากเทียบกับหุ้นในกลุ่มการบิน ทั้งนี้ คาดผลการดำเนินงานปกติในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าช่วง H1/59 จากการเริ่มเข้าสู่ช่วง high season
  • TPCH (โกลเบล็ก) เป้า Consensus เฉลี่ย 23.77 บาท กำไร Q2/59 ที่ 51 ล้านบาท (+804% yoy , 60% qoq) และคาดว่าในช่วง H2/59 รายได้และกำไรก้าวกระโดดจากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้ามหาชัย (MGP) ที่เริ่ม COD ใน Q2/59 และโรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสง (TSG) จะ COD ใน Q3/59 ทั้งนี้ Consensus คาดกำไรปี 59 ที่ 250-280 ล้านบาท (+500% YoY) และใน 25 ส.ค.ประกาศรายชื่อผู้ได้โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลภาคใต้ 36 Mw.
  • ARROW (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 22.30 บาท ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 59-60 ขึ้น 5-6% เป็น +14% Y-Y ปีนี้ (เดิมคาด +8% Y-Y) และ +12% Y-Y ปีหน้า (เดิม +13% Y-Y) เพราะรายได้จากงานรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้าของบ.ลูก (ARROW ถือ 65%) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากรถไฟฟ้าสีต่างๆ สุวรรณภูมิเฟส 2 และงานกลุ่มสื่อสาร บวกกับ Economy of scales ที่ใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 75-80% ทำให้กำไร H2/59 ดีกว่าครึ่งปีแรก ปัจจุบันมี PE เพียง 12 เท่าและคาด Dividend yield 5% ต่อปี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ