โบรกฯเชียร์"ซื้อ"หุ้น SC มองผลงานโตต่อเนื่องช่วง 1-3 ปีข้างหน้าตามแผนเปิดโครงการใหม่,รุกพื้นที่โครงการในเมือง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 24, 2016 14:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เชียร์"ซื้อ" หุ้นบมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) จากผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในระยะ 1-3 ปีข้างหน้า ขณะที่ในครึ่งหลังปีนี้มีแผนเปิดอีก 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1.4 หมื่นล้านบาท จะช่วยผลักดันให้ยอดขายทั้งปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในปี 60 เบื้องต้นจะมีการรับรู้ยอดขายรอโอน (Backlog) ในระดับที่น้อยแต่บริษัทก็ได้เตรียมมาตรการรองรับแล้ว และเชื่อว่าผลประกอบการจะเติบโตโดดเด่นในช่วงปี 61-62 หลังได้รับแรงหนุนหลักของคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จ 2 โครงการ มูลค่ารวม 8.7 พันล้านบาท และยังเตรียมเปิด 2 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในปีหน้า เพื่อรองรับการโอนในปี 63 เป็นต้นไป พร้อมรุกเข้ามาพัฒนาโครงการในเมืองเพื่อตอบสนองลูกค้ารุ่นใหม่มากขึ้น

ขณะที่ SC มีการจ่ายปันผลในระดับที่ดี และให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับที่สูง 5.7% ในปีนี้ และ 5.9% ในปีหน้า ประกอบกับฐานะการเงินที่อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนของการลงทุน

ล่าสุดหุ้น SC อยู่ที่ 3.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท (+1.12%) นับแต่ต้นปีราคาหุ้น SC เพิ่มขึ้นราว 28% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้นราว 20%

          โบรกเกอร์                 คำแนะนำ                    ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ           ซื้อ                               4.18
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์           ซื้อ                               3.90
          ไอร่า                     ซื้อ                               4
          โกลเบล็ก                  ซื้อ                               4.40
          ฟิลลิปฯ                    ซื้อ                               4.30

นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ"ซื้อ"หุ้น SC ราคาเป้าหมายที่ 4.18 บาท โดยปรับประมาณการอัตราการเติบโตกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้า เป็น 11% และ 3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และนับเป็นสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่จัดตั้งบริษัทมา เนื่องจากกำไรในไตรมาส 2/59 ออกมาดีมากจากสัดส่วนค่าใช้จ่ายเทียบกับรายได้ที่ต่ำลง จึงปรับสมมุติฐานรายการนี้ให้ลดลงและส่งผลให้มีการปรับประมาณการปีนี้และปีหน้าดีขึ้น

ขณะที่บริษัทยังมีแผนเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จำนวน 6 โครงการ มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 4 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ โดยมีจุดเด่น คือ บ้านแนวราบมีแบรนด์ใหม่ คือ The Gentry สุขุมวิท 101 และ HEADQUATERS รามอินทรา ส่วนคอนโดมิเนียมจะเปิดขายคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่มาก คือ 28 Chidlom

ส่วนแนวโน้มของอุตสาหกรรมโดยรวมนั้น คาดว่าตลาดคอนโดมิเนียมราคาสูงจะกลับมาคึกคักมากในไตรมาส 4/59 เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่หลายแห่ง พากันเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ใจกลางเมือง ในระดับราคาที่สูงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น ขณะที่โครงการ 28 Chidlom ของ SC ที่จะเปิดขายในช่วงครึ่งหลังปีนี้นั้น บริษัทตั้งเป้าขายประมาณ 40% หากทำได้สำเร็จ จะมียอดขายเพิ่มถึง 3.2 พันล้านบาท ก็จะช่วยยอดขายปีนี้ได้เป็นอย่างดี

"SC เป็นหุ้นปันผลสูง และจ่ายครั้งเดียวสิ้นปี ดังนั้น แม้แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังจะอ่อนกว่าครึ่งปีแรก แต่ยังมีการจ่ายเงินปันผลที่ดี คาดว่าอัตราผลตอบแทนปันผลปีนี้ และปีหน้า ที่ระดับ 5.7% และ 5.9% ตามลำดับ ด้านฐานะการเงินอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนปลายปีนี้เป็น 1.0 เท่า"นายสมบัติ กล่าว

นายสมบัติ กล่าวว่า สำหรับในปี 60 ที่ยอดขายรอโอนยังอยู่ในเกณฑ์ไม่มากนัก บริษัทก็มีมาตรการรองรับหลายด้าน ได้แก่ การเปิดขายแบรนด์ใหม่ เพื่อเจาะตลาดในเมืองมากขึ้น เช่น The Gentry เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้นและ HEADQUATERS บ้านเดี่ยว 5 ชั้น ราคาขายมากกว่า 20 ล้านบาทต่อยูนิต, เตรียมที่ดินรองรับการเปิดขายสำหรับปีหน้าหลายแปลง, เปิดขายคอนโดมิเนียม Chambers Cher รัชดา-รามอินทรา ซึ่งเป็นอาคารเตี้ยใกล้โครงการแรกที่ใกล้หมด และโอนได้ทันปลายปี 60 และ การขายคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมโอนในปี 60

ด้านนายณัฐกร ศรีภูไฟ นักวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า แนะนำ"ซื้อ"สำหรับหุ้น SC ให้ราคาเป้าหมายที่ 3.90 บาท โดยประมาณการรายได้รวมปีนี้เติบโตมาที่ระดับ 1.48 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 2 พันล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอดขายรอโอน 1.56 พันล้านบาท เมื่อรวมกับรายได้ที่ทำได้ในช่วงครึ่งปีแรกทำให้น่าจะมีรายได้ที่แน่นอนแล้วราว 69% ทำให้มั่นใจต่อประมาณการรายได้ในปีนี้ ขณะที่เตรียมเปิดอีก 4 โครงการแนวราบใหม่ในครึ่งปีหลังนี้ มูลค่า 5 พันล้านบาท และวางกลยุทธ์เข้ามาทำโครงการในเมืองมากขึ้น เช่น บริเวณสุขุมวิท 101, ทาวน์อินทาวน์ ด้วยขนาดที่ดินเล็กลง แต่แบบบ้านแตกต่างเดิม ซึ่งสามารถตอบสนองลูกค้ารุ่นใหม่ดีขึ้น

สำหรับในปี 60 นับเป็นปีที่ท้าทายมากสำหรับ SC เนื่องจากจะมีคอนโดมิเนียมขนาดเล็กสร้างเสร็จเพียง 2 โครงการ มูลค่ารวม 1.7 พันล้านบาท โดย 1 โครงการขายได้เพียง 27% และอีกหนึ่งโครงการจะเปิดขายในเดือนพ.ย.59 ปัจจุบันจึงมียอดขายรอโอนสำหรับโครงการคอนโดมิเนียมเพียง 780 ล้านบาท นับว่าเป็นความท้าทายหนักในการผลักดันยอดขายแนวราบเข้ามาเติม ทำให้ปรับลดคาดการณ์รายได้และกำไรในปี 60 ลง โดยคาดว่ากำไรช่วงครึ่งแรกปี 60 จะลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และกลับมาเติบโตเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนได้ในช่วงครึ่งหลังปี 60

ส่วนในปี 61-62 คาดว่าผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโตโดดเด่น หลังผลการดำเนินงานที่หดตัวเป็นเพียงช่วงสั้นเท่านั้น ด้วยแรงหนุนหลักของคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จ 2 โครงการ มูลค่ารวม 8.7 พันล้านบาท และได้เตรียมเปิด 2 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในปีหน้า เพื่อรองรับการโอนในปี 63 เป็นต้นไป ดังนั้น แนวโน้มการเติบโตกำไรตั้งแต่ปี 61 ค่อนข้างเห็นเด่นชัดกว่าผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ

ด้านบทวิเคราะห์บล.ไอร่า แนะนำ"ซื้อ"หุ้น SC ให้ราคาเป้าหมายที่ 4 บาท จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า โดยคงประมาณการกำไรปี 59 จะเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน มาที่ระดับ 1.99 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น ประมาณ 5% จากรายได้การขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น 7% เป็น 1.42 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวมราว 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำให้ SC ยังมีโอกาสทำยอดขายบรรลุเป้าได้ จากแรงหนุนของโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเน้นทำเลที่ไม่ห่างจากตัวเมือง บวกกับการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมระดับหรูบนทำเลทอง 28 Chidlom ซึ่งคาดเป็นหนึ่งในตัวเร่งสำคัญให้ SC บรรลุเป้ายอดขายได้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาทในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ