นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ คาดว่า SET Index จะไปต่อได้ โดยสัปดาห์นี้น่าจะเคลื่อนไหวระหว่าง 1,534-1,560 จุด
ปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อตลาดหุ้นคือ การกล่าวสุนทรพจน์ของ นางเจเนท เยเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ระหว่างการประชุมผู้ว่าการธนาคารกลางที่สำคัญของโลกเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บ่งชี้ถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ยังไม่ได้ระบุถึงว่าจะปรับขึ้นเมื่อใด ซึ่งทำให้แม้แต่ในเดือน ก.ย.นี้ Fed ก็มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยด้วย
หลังจากมีการปรับตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 2 ของสหรัฐฯ ลงมาอยู่ที่ 1.1% จากก่อนหน้านี้มองที่ 1.2% แต่การขยายตัวของการใช้จ่ายบริโภคที่ขยายตัวสูงถึง 4.4% ถือว่าสูงมาก แม้ปริมาณสินค้าคงคลังจะหดตัวลงอย่างแรงก็ตาม ถือว่านางเจเนท เยเลน รู้ข้อมูลเรื่องนี้ดีอยู่แล้วก่อนจะมีถ้อยแถลงที่เมือง Jackson Hole
นอกจากนี้ วันพุธที่ 31 ส.ค.นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทยในเดือน ก.ค.คาดว่าส่วนใหญ่น่าจะออกมาดีขึ้น ด้านตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนฯ ไตรมาส 2 ออกมากำไรที่ 2.45 แสนล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์มากถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง
ส่วนราคาน้ำมันโลกน่าจะปรับตัวลดลงต่อหลังจากที่ OPEC ไม่เข้าควบคุมการผลิต โดยราคาน่าจะอยู่ระหว่าง 40-50 USD/บาร์เรล
สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ แนะนำซื้อหุ้น บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ราคาเป้าหมาย 6.41 บาท มีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการลงทุนใหม่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเติบโตของบริษัทในระยะยาว โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Kentos ในญี่ปุ่น กำลังการผลิต 66.78 เมกะวัตต์ มีสัญญา 20 ปี คาดจะก่อสร้างเสร็จและดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 65 และช่วยเพิ่มขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัทสู่ระดับแข็งแกร่งที่ 500 เมกะวัตต์ (420 เมกะวัตต์ตามสัดส่วนการถือหุ้น) และจะสร้างกำไรสุทธิได้ 250-300 ล้านบาทต่อปี
แนวโน้มกำไรของ GUNKUL ยังคงสดใสมาก ผสานกับแรงหนุนจากโครงการลงทุนใหม่ดังกล่าว ด้วยกำไรสุทธิที่คาดว่าจะแตะระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องและมีอัตราการเติบโตของ EPS CAGR ระหว่างปี 59-61 แข็งแกร่งในระดับที่ 48% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการทยอยผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จากโครงการหลักที่มีอยู่ในมือที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาขนาด 235 เมกะวัตต์ ด้านค่า PEG ปัจจุบันที่ 0.8 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบันยังคงน่าสนใจ
ด้าน Technical รูปแบบราคา ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น จากการเกิดทั้งสัญญาณซื้อรายสัปดาห์และรายเดือน ทั้งนี้หากปิดตลาดเหนือ 5.50 บาท จะเกิดสัญญาณซื้อรายวันอีกด้วย