(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์-เล็งกลุ่มพลังงานหนุนหลังราคาน้ำมันดีดขึ้น,หวังโอเปกรักษาเสถียรภาพราคา

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 21, 2016 09:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้ในช่วงสั้นหลังจากที่ได้ปรับตัวลงไปพอควรแล้วเมื่อวานนี้ โดยตลาดฯยังคงติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลการประชุมในเช้าวันพรุ่งนี้ โดยตลาดฯคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน

อย่างไรก็ดี ตลาดฯน่าจะได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดซื้อขายล่วงหน้าเช้านี้ได้ปรับตัวขึ้น 1.8% ซึ่งเป็นการเก็งการหารือนอกรอบของโอเปกและรัสเซียที่จะจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย โดยที่ประชุมจะหารือการตรึงกำลังการผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ อย่างไร้ทิศทาง พร้อมให้แนวรับ 1,467 จุด ส่วนแนวต้าน 1,480 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,129.96 จุด เพิ่มขึ้น 9.79 จุด (+0.05%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,241.35 จุด เพิ่มขึ้น 6.32 จุด (+0.12%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,139.76 จุด เพิ่มขึ้น 0.64 จุด (+0.03%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 20.30 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 1.42 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 8.00 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 19.66 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 2.90 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 9.41 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 2.06 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ก.ย.59) 1,473.78 จุด ลดลง 18.95 จุด (-1.27%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,797.80 เมื่อวันที่ 20 ก.ย.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ก.ย.59) ปิดที่ 43.44 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ก.ย.59) ที่ 6.86 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.74/76 ทิศทางแกว่งแคบในกรอบ 34.70-34.80 จับตาผลประชุม FED-BOJ วันนี้
  • อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์เตรียมผลักดันโครงการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ ภายใต้แผนแม่บทพัฒนาที่ราชพัสดุเพื่อให้มีการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยภายในปี 2559 จะเริ่มดำเนินการได้ 2 โครงการ มีวงเงินลงทุน 3.1-3.5 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิต เนื้อที่ 63 ไร่ ของบริษัท บางกอกเทอร์มินอล (BKT) เพื่อพัฒนาพื้นที่เป็นศูนย์กลางคมนาคม และคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ มีมูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาท สัญญา 30 ปี
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้วิเคราะห์แนวโน้มการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐ หลังจากสำนักงานส่งเสริมการค้าของไทย ณ นครชิคาโก สหรัฐ คาดว่าแนวโน้มการส่งออกของไทยไปยังตลาดสหรัฐในช่วง 4 เดือนหลังของปีนี้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และได้ปรับลดเป้าหมายการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐลงเหลือโต 1% จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2% และเศรษฐกิจสหรัฐจะยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องไปในปี 2560
  • ธนารักษ์ฟุ้งคาดจัดเก็บรายได้เกินเป้า 2 ปีซ้อน สิ้นปีงบประมาณปี 60 ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าตั้งไว้ 6 พันล้านบาท ผลจากเข้าบริหารที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ได้มากขึ้น เล็งปรับเพิ่มค่าเช่าที่เชิงพาณิชย์เท่าราคาตลาด หลังสัญญากว่า 20% หมดลง
  • "ศุภชัย พานิชภักดิ์" มองรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจมาถูกทาง แต่ในช่วงต่อไปรัฐบาลไม่ควรให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังอยู่ในช่วงชะลอตัว ซึ่งอาจจะส่งผลต่อภาระหนี้สิน ซึ่งควรจะมุ่งเน้นไปยังการเพิ่มรายได้ของประชากรให้ดีขึ้น โดยเฉพาะรายได้เกษตรกร และกระตุ้นการลงทุนให้มากขึ้นรวมถึงมีการเพิ่มขีดความสามารถของคน ในการฝึกอบรมแรงงานขั้นต่ำทั่วประเทศ การปฏิรูปการศึกษา เริ่มจากการปฏิรูปกระทรวงศึกษาธิการก่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มองว่าเป็นรากฐานของปัญหาของเศรษฐกิจไทย

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TPCH (เคจีไอฯ) "สะสม"เป้า 22 บาท แนวโน้มกำไรจะทำนิวไฮ 3-5 ไตรมาสติดต่อกัน (โรงไฟฟ้าชีวมวลที่มี PPA ในมือทยอย COD) และจะมี Catalyst เพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ คือการเปลี่ยนสัญญา LOI เป็น PPA (20MW ที่ จ.ปัตตานี) พร้อมให้แนวรับ 16.9 บาท และถัดไปที่ 16.7 บาท แนวต้านแรกที่ 17.4 บาท (เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แบบ EMA) หากผ่านได้มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 18.3 บาท
  • K (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 8.80 บาท พรุ่งนี้ (22 ก.ย.) จะขึ้น XD จ่ายเป็นหุ้นปันผลในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ และเงินสด 0.006 บาท เป็นปันผลของผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกปีนี้ แม้จะคิดเป็น Yield เพียง 1% แต่หลังจากนี้น่าจะได้เห็นการจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้งทั้งรูปแบบของหุ้นและเงินสดตามกำไรที่เริ่มขยายตัวในอัตราเร่ง โดยคาดกำไรปี 60-61 โตเฉลี่ย 28% จากงาน Shop brand ตามห้างที่เปิดใหม่เช่น Icon Siam, กลุ่มเดอะมอลล์, กลุ่มเซ็นทรัล, และกลุ่ม TCC ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น Forward PE 13.7 เท่า ถูกกว่ากลุ่มที่ 25 เท่า
  • THANI (ฟันันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 6.20 บาท แม้จะคาดว่ากำไรสุทธิทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งใน 3Q59 และ 4Q59 ตามยอดจดทะเบียนรถบรรทุกใหม่ที่มีโมเมนตัมดี แต่อัตราการเติบโตไม่ได้สูงจนน่าตื่นเต้น โดยคาดกำไร 3Q59 +3% Q-Q, 4% Y-Y เพราะการตั้งสำรองฯยังสูงกว่าปกติ แต่ยังคงคาดกำไรทั้งปีนี้ +18% และปีหน้า +7.8% การฟื้นตัวของการลงทุน การก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชน และการค้าชายแดน เอื้อต่อสินเชื่อของ THANI โดยตรง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ