โบรกฯเชียร์"ซื้อ"MAJOR รับหนังฟอร์มใหญ่เข้าฉายช่วง H2/59-ขยายโรง,ซื้อหุ้นเพิ่มใน SF

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 3, 2016 16:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) หลังมองจะได้รับผลบวกของภาพยนตร์ทยอยเข้าฉายช่วงครึ่งปีหลังนี้ โดยเฉพาะภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ดฟอร์มยักษ์หลายเรื่อง ทั้ง Doctor Strange, Fantastic Beasts and Where to Find Them, Star War: Rogue One รวมถึงภาพยนตร์ไทยที่น่าจะได้รับความสนใจมากเข้าฉายด้วย ประกอบกับแผนขยายโรงภาพยนตร์ใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย MAJOR อาศัย Digital Platform ช่วยลดขนาดการลงทุนต่อสาขาลง ทำให้สามารถครอบคลุมพื้นที่ในต่างจังหวัดได้มากขึ้น

นอกจากนี้ การจะเข้าซื้อหุ้น SF เพิ่มเป็น 49% นับเป็นการเพิ่มลงทุนระยะยาว และช่วยขยายธุรกิจให้มีความหลากหลาย ซึ่งจะทำให้ MAJOR รับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรตามการเติบโตของ SF ในอนาคต

ราคาหุ้น MAJOR ล่าสุดอยู่ที่ 30.25 บาท ลดลง 0.50 บาท (-1.63%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น 0.42%

          โบรกเกอร์                      คำแนะนำ                   ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เออีซี                          ซื้อ                             39.00
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)              ทยอยซื้อ                         31.50
          ฟินันเซีย ไซรัส                   ซื้อ                             37.00
          บัวหลวง                        ซื้อ                             38.00

นักวิเคราะห์ บล.เออีซี คาดว่ากำไรปกติของ MAJOR ช่วงครึ่งหลังปีนี้จะยังเติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าครึ่งปีหลังจะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น และจากการเปิดสาขาเพิ่มมากขึ้นจะช่วยหนุนให้กำไรปกติทั้งปี 59 เติบโตราว 17% จากปีก่อน มาที่ระดับ 1,090 ล้านบาทตามประมาณการเดิม เป็นไปตามการขยายโรงภาพยนตร์ใหม่ที่เพิ่มขึ้น 86 โรงในปีนี้ โดย MAJOR อาศัย Digital Platform ช่วยลดขนาดการลงทุนต่อสาขาลง หรือไม่จำเป็นต้องเปิดหลายโรงภาพยนตร์ต่อสาขาเพื่อให้ได้ Economy of Scale กลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้ครอบคลุมในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น

"แนวโน้มผลประกอบการที่ยังเติบโตได้ดี แม้ภาวะเศรษฐกิจในประเทศจะซบเซา ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 20.9% จากราคาเป้าหมายปี 60 ที่ 39 บาท และคาดให้ Dividend Yield ปีละกว่า 3% เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ"นักวิเคราะห์ กล่าว

ด้านนายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ผลดำเนินงานของ MAJOR จะดีจากภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่จะเข้าฉาย ซึ่งในไตรมาส 3/59 มีภาพยนตร์ทำเงินเกิน 100 ล้านบาท ไปแล้ว 3 เรื่อง คือ ขุนพันธ์ ,Suicide Squad, แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีภาพยนตร์ทำเงินเพียง 2 เรื่อง ทำให้ยังเห็นรายได้จากตั๋วภาพยนตร์เติบโตได้ที่ 5-8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนธุรกิจส่วนอื่นยังคงไปได้ดี ยกเว้นค่าเช่า และธุรกิจบริษัทย่อย อย่างบมจ.เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (MPIC) ที่ภาพยนตร์ "มหาลัยเที่ยงคืน" มีผลขาดทุน

ขณะที่ในไตรมาส 3/59 บริษัทยังมีแผนเปิดโรงภาพยนตร์อีก 13 โรง และยังคงมีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่น่าจะมีรายได้ดีเข้ามาต่อเนื่อง เช่น Doctor Strange, The Inferno, Fantastic Beasts and Where to Find Them, Star War: Rogue One รวมถึงภาพยนตร์ไทยกว่า 10 เรื่องที่จะเข้าฉาย ซึ่งมีของ MPIC 6 เรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง ป๊าด 888 แรงทะลุนรก ที่ทีมงานและนักแสดงนำกลุ่มเดียวกับ "หลวงพี่แจ๊ส 4G" และในไตรมาส 4/59 จะเปิดโรงภาพยนตร์อีก 57 โรง โดยรวมคาดครึ่งปีหลังจะยังเห็นการเติบโตจากปีก่อนได้อยู่ และจะมีกำไรจากการขายเงินลงทุนโรงภาพยนตร์ในอินเดีย PVR เข้ามาอยู่ นอกจากนี้ MAJOR ยังอยู่ระหว่างเตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนของ บมจ.สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ (SF) ไม่เกิน 428.35 ล้านหุ้น หรือ 24.11% ที่หุ้นละ 6.20 บาท เมื่อรวมกับที่ถืออยู่เดิมจะเพิ่มเป็น 49% เพื่อเพิ่มการลงทุนระยะยาวใน SF และขยายธุรกิจให้มีความหลากหลาย ซึ่งจะทำให้ MAJOR รับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรตามการเติบโตของ SF ในอนาคต และเกื้อหนุนธุรกิจของ MAJOR ได้

อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อหุ้นเพิ่มดังกล่าวอยู่บนเงื่อนไขว่าผู้ถือหุ้น SF ต้องอนุมัติการทำเสนอซื้อบางส่วนในวันที่ 3 ต.ค.นี้ และต้องได้รับการผ่อนผันจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยเงินที่จะใช้เสนอซื้อมูลค่า 2,656 ล้านบาท จะมาจากเงินทุนหมุนเวียนและวงเงินสินเชื่อจากธนาคาร

"ทางฝ่ายยังคงคาดรายได้ขายและบริการของ MAJOR ในปี 59 ที่ 9,539 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 1,409 ล้านบาท ส่วนปี 60 ยังมีแนวโน้มดีจากโรงภาพยนตร์ที่จะเปิดอีกอย่างน้อย 85 โรง และภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่จากต่างประเทศที่น่าสนใจไม่แพ้ในปี 59 มาเข้าฉาย ปรับคำแนะนำขึ้นจากขายเป็นทยอยซื้อ"นายสยาม กล่าว

นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่า MAJOR จะมีกำไรปกติทั้งปี 59 เติบโต 17% และโตต่อเนื่อง 16% ในปี 60 จากหนังฮอลลีวู๊ดฟอร์มใหญ่ที่คาดว่าจะทำเงินหลายเรื่องมีโปรแกรมเข้าฉาย และการขยายโรงภาพยนตร์ต่อเนื่องอีกประมาณ 80 โรงโดยเฉพาะในต่างจังหวัด

ขณะที่ในช่วงไตรมาส 3/59 มีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่น้อยกว่าไตรมาส 2/59 โดยมีภาพยนตร์ทำเงินระดับ 100 ล้านบาทเพียง 3 เรื่อง คือ Suicide Squad, ขุนพันธ์, และ แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว เบื้องต้นคาดกำไรปกติในไตรมาส 3/59 จะลดลง 59% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิ คาดไว้ที่ระดับ 272 ล้านบาท ซึ่งน่าจะมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้นโรงภาพยนตร์ในอินเดีย PVR สุทธิประมาณ 80 ล้านบาท

ส่วนกำไรในไตรมาส 4/59 มองว่าจะดีขึ้นเมื่อเข้าสู่หน้าภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อีกครั้ง โดยจะมีภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ดหลายเรื่อง เช่น Doctor Strange, Fantastic Beasts and Where to Find Them, Star War: Rogue One รอเข้าฉาย และมีภาพยนตร์ไทยที่น่าจะได้รับความสนใจมาก เช่น ป๊าด 888 แรงทะลุนรก และ “วิเชียร จำเนียร โตมร" รวมทั้ง New Year's Gift โดยค่าย GDH

สำหรับแนวโน้มรายได้จากตั๋วภาพยนตร์น่าจะเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งจะทำให้รายได้ขายอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งรายได้ค่าโฆษณาดีขึ้นตามไปด้วย ทำให้ยังคงประมาณการกำไรปกติทั้งปี 59 ที่ 1,150 ล้านบาท เติบโต 17% และยังคงประมาณการกำไรปกติปี 60 ที่ 1,330 ล้านบาท โตต่อเนื่อง 16%

อย่างไรก็ตามในปีหน้ารายได้หลักจะมาจาก รายได้ตั๋วภาพยนตร์และรายได้ขายอาหาร คิดเป็นสัดส่วน 70% ของรายได้รวม เติบโตต่อเนื่อง ประมาณ 12% ใกล้เคียงปีก่อน ปัจจัยหนุนหลักมาจากหนังฮอลลีวู๊ดที่มีแผนเข้าฉายแข็งแกร่ง โดยเฉพาะภาพยนตร์ภาคต่อที่ในอดีตทำเงินได้สูง เช่น Fast & Furious 8, Transformaers, Pirates of the Caribbean, Spider-Man, Terminator และ Star Wars VII เป็นต้น รวมทั้งคาดขยายโรงภาพยนตร์อีกประมาณ 85 โรง และระยะยาวมีแผนเพิ่มเป็น 1,000 โรงภายในปี 63 จากสิ้นไตรมาส 2/59 ที่มีอยู่ 625 โรง รวมในกัมพูชา 7 โรง และลาว 5 โรง

ด้านนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง คาดว่ากำไรของ MAJOR ในไตรมาส 3/59 มีแนวโน้มอ่อนตัวลงกว่าไตรมาส 3/58 และไตรมาส 2/59 ก่อนจะกลับมาฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4/59 จากภาพยนตร์เข้าฉายที่น่าจะทำรายได้สูง อย่าง ป๊าด 888 แรงทะลุนรก ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวเดียวกับหลวงพี่แจ๊ส 4G และ New Year’s Gift แนวรักโรแมนติกคอมเมดี้ ที่จะสร้างความประหลาดใจเชิงบวกได้ในไตรมาสสุดท้าย อีกทั้งคาดว่าดีลกับ SF น่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาหุ้น MAJOR ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ยังประเมินรายได้ตั๋วหนังไตรมาส 3/59 อยู่ที่ 1,050 ล้านบาท ลดลง 2% เมื่อเทียบกับงวดปีก่อน และ 35% จากไตรมาสก่อนหน้า และคาดกำไรหลักเบื้องต้นไตรมาส 3/59 อยู่ที่ 224 ล้านบาท ลดลง 5% จากงวดปีก่อน และ ลกลง 53% จากไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3/59 มีการขยายโรงภาพยนตร์อีก 13 โรง อาทิ เช่นเฟรนด์ชิพ มอลล์ ปากเซ ในลาว, เทสโก้ โลตัส สาขานครปฐมและนาดี, และเดอะมอลล์โคราช น่าจะเป็นปัจจัยช่วยหนุนรายได้ในระยะต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ