KKP เผยกำไร Q3/59 เพิ่มขึ้น 83.1% ตามรายได้เพิ่ม-รับรู้กำไรขายบล.เคเคเทรด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 17, 2016 15:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/59 มีกำไรสุทธิ 1.69 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นกำไรสุทธิของธุรกิจตลาดทุน ซึ่งดำเนินการโดยบมจ.ทุนภัทร และบริษัทย่อย ได้แก่ บล.ภัทร และบลจ.ภัทร จำนวน 313 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้จากการดำเนินงาน 5.06 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 19.5% และรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่เพิ่มขึ้น 7.7%

ทั้งนี้ ธนาคารมีกำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่มาจากธุรกิจตลาดทุนจำนวน 144 ล้านบาท ลดลง 28.6% จากงวดปีก่อน และมีกำไรสุทธิจากเงินลงทุน 114 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการบันทึกกำไรจากการขายบล.เคเคเทรด จำนวน 114 ล้านบาท (ก่อนภาษี)

ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพิ่มขึ้น 22.5% มาที่ 2.08 พันล้านบาท หากไม่รวมผลขาดทุนจากการปรับมูลค่าทรัพย์สินรอการขาย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในไตรมาส 3/59 เท่ากับ 1.94 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากค่าใช้จ่ายผันแปรเกี่ยวกับพนักงานที่เพิ่มขึ้น

สำหรับหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่า ในไตรมาส 3/59 มีจำนวน 1.01 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 941 ล้านบาทในไตรมาส 3/58 โดยในไตรมาสนี้ธนาคารได้ตั้งสำรองทั่วไป จำนวน 750 ล้านบาท เพื่อรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ส่วนสินเชื่อของธนาคารในไตรมาส 3/59 ขยายตัวเล็กน้อยที่ 0.2% จากสิ้นไตรมาส 2/59 หลังจากที่มีการหดตัวตลอดตั้งแต่ต้นปี59 โดยในไตรมาสที่ 1/59 หดตัว 1.2% และในไตรมาสที่ 2 หดตัว 0.4% ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปีนี้ สินเชื่อโดยรวมของธนาคารยังคงหดตัวอยู่ที่ 1.4% จากสิ้นปี 58 ทั้งนี้ สินเชื่อของธนาคารที่มีการขยายตัวค่อนข้างดี ได้แก่ สินเชื่อ Lombard มีการขยายตัวที่ 190.7% สินเชื่อบุคคลขยายตัวที่ 68.0% สินเชื่อ Micro SMEs และสินเชื่อ SME Car3x ขยายตัวที่ 49.7% และสินเชื่อเคหะขยายตัวที่ 161.4% ในขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อหดตัว 2.6% สินเชื่อธุรกิจหดตัว 8.7% และสินเชื่อบรรษัทหดตัว 14.1% จากสิ้นปี 58

ด้านคุณภาพของสินเชื่อ อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นไตรมาส 3/59 อยู่ที่ 5.9% ปรับตัวดีขึ้นจาก 6.1% ในไตรมาส 2/59 โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพในส่วนของสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการปรับตัวดีขึ้น รวมถึงคุณภาพของสินเชื่อเช่าซื้อที่ยังคงมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพสำหรับสินเชื่อเช่าซื้อ ปรับลดลงจาก 2.4% ณ สิ้นปี 58 เป็น 2.2% ในไตรมาส 1/59 และปรับลดลงอยู่ที่ 2.1% ในไตรมาส 2/59 โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/59 ยังคงปรับลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ 2.0%

ณ วันที่ 30 ก.ย.59 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) คำนวณตามเกณฑ์ Basel III ซึ่งรวมกำไรถึงสิ้นปี 58 อยู่ที่ 18.80% โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 15.29% แต่หากรวมกำไรถึงสิ้นไตรมาส 3/59 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะเท่ากับ 20.03% และเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 16.52%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ