โบรกฯแนะ"ซื้อ"LH คาดกำไรปีนี้ยังโตตามรายได้ แม้ยอดขายพลาดเป้าหลังเลื่อนเปิดโครงการ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 20, 2016 15:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์แนะนำ "ซื้อ" หุ้นบมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) หลังคาดกำไรปีนี้ยังมีแนวโน้มเติบโตจากปีก่อนเป็นผลจากประเมินรายได้เข้าเป้า 2.8 หมื่นล้านบาท ตามมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ที่เตรียมส่งมอบให้ลูกค้าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ อีกทั้งปีหน้ายังมี Backlog รอรับรู้รายได้อีกราว 1 หมื่นล้านบาท หนุนผลงานแข็งแกร่งต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มมากขึ้นเข้ามาช่วยหนุนภาพรวมผลงานของบริษัท

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มยอดขายรวมในปีนี้อาจทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.8 หมื่นล้านบาท หลังเลื่อนการเปิดหลายโครงการไปในช่วงครึ่งปีหลังมูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการแข่งขันที่สูงขึ้น ทำให้ประเมินว่ายอดขายของบริษัทในปีนี้จะเติบโตได้เพียง 5-10% จากปีก่อนที่มียอดขาย 2.47 หมื่นล้านบาท ขณะที่เป้าหมายเดิมตั้งไวี่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท

ราคาหุ้น LH พักเที่ยงอยู่ที่ 9.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท (+0.54%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.56%

          โบรกเกอร์                      คำแนะนำ                ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          ไทยพาณิชย์                      ซื้อ                           13.00
          กรุงศรี                         ซื้อ                           11.50
          ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ                ซื้อ                           11.50
          เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ                ซื้อ                           11.00
          โนมูระ พัฒนสิน                   ซื้อ                           10.90
          อาร์เอชบี (ประเทศไทย)           ซื้อ                           10.50
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)              ซื้อ                           10.00

นักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มกำไรสุทธิของ LH ในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะเติบโตต่อจากครึ่งปีแรก เพราะยังมี Backlog รอโอนอยู่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในไตรมาส 4/59 ที่จะมีโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ คือ โครงการ 333 riverside มูลค่าโครงการ 7 พันล้านบาทเริ่มทยอยโอน สนับสนุนให้กำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 7.6 พันล้านบาท หรือเติบโต 12% จากปีก่อน

ส่วนในด้านของยอดขายมีโอกาสจะทำได้ต่ำกว่าเป้าตั้งไว้ 2.8 หมื่นล้านบาท แม้มองว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะทำได้มากกว่าครึ่งปีแรกก็ตาม เนื่องจากจำนวนโครงการเปิดใหม่มีมากกว่า แต่เป็นลักษณะทยอยเปิดและคอนโดมิเนียมส่วนหนึ่งที่ชะลอการเปิดมาเป็นช่วงไตรมาส 4/59 จากเดิมจะเปิดขายช่วงปลายไตรมาส 3/59 อย่างไรก็ตาม แม้ยอดขายในปีนี้จะพลาดเป้า แต่ไม่มีผลต่อแนวโน้มรายได้ที่ LH ตั้งเป้าไว้ 2.8 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 16% จากปีก่อน

ด้านนักวิเคราะห์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) คาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิของ LH ในปี 59 และปี 60 มีโอกาสจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักจาก backlog ของโครงการคอนโดมิเนียมที่จะทยอยโอนในช่วง 18 เดือนข้างหน้า โดยโครงการคอนโดมิเนียมให้มาร์จิ้นสูงกว่าแนวราบ คาดว่ารายได้ของ LH ในปี 60 จะเติบโตราว 25% จากปีนี้ ในส่วนนี้เป็นรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมที่เพิ่มขึ้นถึงสัดส่วน 85%

ด้านยอดขายของ LH ปีนี้มีโอกาสอาจพลาดเป้าที่ตั้งไว้ 2.8 หมื่นล้านบาท หลังจากเลื่อนเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาทไปเป็นช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่การขายโครงการในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีความไม่แน่นอนเพราะภาวะเศรษฐกิจยังคงชะลอตัว และมีการแข่งขันสูง ซึ่ง LH จะต้องหวังยอดขายจากโครงการแนวราบที่ยังมีแนวโน้มดีเข้ามาช่วยชดเชย

นางสาวเติมพร ตันติวิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า เมย์แบงก์ฯ ปรับประมาณการกำไรสุทธิของ LH ในปีนี้เพิ่มขึ้น 14% เป็น 8.46 พันล้านบาท หรือเติบโต 6.8% จากปีก่อน เป็นผลมาจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่ทำได้ดีขึ้น อีกทั้งมีกำไรพิเศษจากการขายที่ดิน ขณะที่ปี 60 ยังมี Backlog ที่รอรับรู้อีกมากกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ทำให้ผลการดำเนินงานในปี 60 มีโอกาสเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

ขณะที่รายได้ของ LH ในปีนี้ยังคงไว้ในระดับเดิมที่ 2.8 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 16.2% จากปีก่อน โดยมี Backlog ที่ทยอยรับรู้ในปีนี้รวม 5.97 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียม อย่างเช่น โครงการ 333 Riverside ที่คาดว่าจะเริ่มทยอยโอนตั้งแต่เดือน พ.ย.นี้ และโครงการ The Room Sathorn 11

ด้านยอดขายปีนี้มีโอกาสที่จะพลาดเป้าที่ LH ตั้งไว้ 2.8 หมื่นล้านบาท จากการเลื่อนเปิดโครงการขนาดใหญ่ออกไปเป็นครึ่งปีหลังหลายโครงการ ส่งผลให้ในครึ่งปีแรกมีมูลค่าโครงการรวมที่เปิดไปเพียง 2.77 พันล้านบาทเท่านั้น ทำให้คาดการณ์ว่ายอดขายของบริษัทในปีนี้จะเติบโตได้เพียง 5-10% จากปีก่อนที่ 2.47 หมื่นล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ