(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ Sideway เชิงลบก่อนหยุดยาว-ECB ไม่ส่งสัญญาณมาตรการ QE

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 21, 2016 09:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway เชิงลบและซึมลง เนื่องจากก่อนวันหยุดยาวหุ้นไทยในสุดสัปดาห์นี้

ประกอบกับตลาดหุ้นโลกไร้ทิศทาง แม้ว่าธนาคารกลางยุโรป(ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดไว้ แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะขยายเวลา QE ที่จะสิ้นสุดลงในเดือน มี.ค. 60 หรือจะลดทอนจำนวนมาตรการ QE ทำให้ตลาดคลุมเครือ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า และมีผลให้ราคาน้ำมันปรับลง 2-3% รวมทั้งราคาทองคำก็ปรับลงด้วย

พร้อมให้แนวรับที่ระดับ 1,480 - 1,485 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ระดับ 1,500 - 1,505 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,162.35 จุด ลดลง 40.27 จุด (-0.22%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,241.83 จุด ลดลง 4.58 จุด (-0.09%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,141.34 จุด ลดลง 2.95 จุด (-0.14%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 0.86 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 3.54 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.07 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง(ตลาดเลื่อนเวลาเปิดซื้อขายวันนี้), ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.16 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.85 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 5.31 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.20 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 48.25 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ต.ค.59) 1,492.73 จุด เพิ่มขึ้น 6.45 จุด (+0.43%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,186.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ต.ค.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ต.ค.59) ปิดที่ 50.86 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 74 เซนต์ หรือ 1.43%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ต.ค.59) ที่ 6.22 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.04/05 แนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง มองกรอบวันนี้ 34.90-35.20
  • พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติว่า ในที่ประชุมได้หารือเพื่อติดตามสถานการณ์ท่องเที่ยวของประเทศโดยในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย. 2559 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประเทศไทยจำนวน 24.82 ล้านคน และประเทศมีรายได้รวม 1.23 ล้านล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัว 12.37% และรายได้ขยายตัว 16.22% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ยังคงเป้าหมายตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งปี 2559 อยู่ที่ 32 ล้านคน และรายได้อยู่ที่ 2.4 ล้านล้านบาทเช่นเดิม
  • นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ทางกระทรวงคมนาคมจะเสนอโครงการรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ 148 กิโลเมตร วงเงิน 25,000 ล้านบาท เส้นทางหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ 90 กิโลเมตร วงเงิน 10,000 ล้านบาท และเส้นทางนครปฐม-หัวหิน 165 กิโลเมตร วงเงิน 20,000 ล้านบาท ระยะทางรวมกว่า 400 กิโลเมตร ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมกำลังสอบถามความเห็นเรื่องโครงการรถไฟฟ้าสีม่วงใต้ เส้นทางเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ จากหน่วยงานต่างๆและคาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาได้ในเดือน พ.ย.นี้เช่นกัน โดยโครงการนี้มีระยะทาง 23.6 กิโลเมตร วงเงิน 1.31 แสนล้านบาท
  • นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ในช่วงต้นปี 60 แอตต้าเตรียมนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ทำตลาดจีน ประมาณ 200-300 ราย ไปออกงานโรดโชว์ครั้งใหญ่ ในรูปแบบการสำรวจแหล่งท่องเที่ยว หรือเมกะแฟมทริป ใน 4 เมืองหลักของประเทศจีน เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เป็นต้น เพื่อเปิดโต๊ะเจรจาซื้อขายทางธุรกิจรวมถึงประชาสัมพันธ์ให้คู่ค้าในตลาดจีนทราบว่าขณะนี้ประเทศไทยได้เข้าสู่การทำตลาดทัวร์ให้เป็นตลาดคุณภาพอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยฟื้นฟูตลาดและสร้างความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการได้ดียิ่งขึ้น หลังจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญตั้งแต่เดือน ส.ค.-ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านกรุ๊ปทัวร์ยังมีแนวโน้มลดลง
*หุ้นเด่นวันนี้
  • BBL (ฟินันเซียไซรัส) แนะ "ซื้อ" ราคาพื้นฐานปี 60 ที่ 200 บาท ประกาศกำไรสุทธิ 3Q16 ดีกว่าคาดที่ 8 พันลบ. +12.4% Q-Q, -11%Y-Y จากค่าใช้จ่ายทั้งดอกเบี้ยและไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าคาด ส่วนด้าน NPL พุ่งขึ้นตามคาด +7.6% Q-Q ทำให้ NPL Ratio เพิ่มเป็น 3.4% เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2016 หดตัว 7.5%Y-Y (แนวโน้ม 4Q16 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปีจากการตั้งสำรองฯที่น่าจะผ่อนคลายลง) ส่วนปี 2017 คาดเติบโต 4.6%Y-Y คงราคาพื้นฐานปี 2017 ที่ 200 บาท
  • ORI (ฟินันเซียไซรัส) แนะ "ซื้อ" ราคาพื้นฐานปีหน้า 16.40 บาท (อิง PE 10 เท่า) จุดเด่นของ ORI คือ backlog ที่สูงถึง 1.02 หมื่นลบ.ซึ่งเพียงพอที่จะรับรู้รายได้จนถึงปี 2018 ขณะที่ยอดขายสะสมปัจจุบันสูงถึง 8.5 พันลบ.ซึ่งเกินเป้าหมายแรกของบริษัทที่ 7.5 พันลบ.ไปแล้ว ขณะที่การเติบโตของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายและทำให้เกิด Interchange แห่งใหม่เป็นโอกาสสำหรับ ORI ในการเติบโตในระยะยาว เราคาดกำไรสุทธิปี 2016 และ 2017 เติบโตโดดเด่น 88.3% Y-Y และ 49% Y-Y ตามลำดับ
  • BANPU (โกลเบล็ก) แนะ"ซื้อ" ราคาพื้นฐาน 20 บาท คาดปี 2016 พลิกเป็นกำไรที่ 1,510 ลบ. (+198% YoY) จากการโรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าหงสาจะทำการผลิตไฟฟ้าครบทั้ง 3 หน่วย รวมถึงปรับลดการลงทุนในธุรกิจถ่านหินเพื่อเน้นธุรกิจโรงไฟฟ้าสู่ 2.4 GW ในปี 63 โดยในปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ราว 1.63 GW (รวมโรงไฟฟ้าหงสาทั้ง 3 หน่วย)
และเตรียมนำ BANPU POWER (BPP) เข้าตลท.ในช่วงเดือนต.ค. 59 โดยนำเงินไปชำระคืนเงินกู้แก่ BANPU ราว 400 ล้านดอลลาร์ และลดภาระดอกเบี้ยได้ราว 800 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งได้อานิสงส์ราคาถ่านหินดีดตัวขึ้นล่าสุด 93.7 US/Tons ทำให้กำไรในปี 60 มีโอกาสกลับมาเติบโตสูง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ