(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์กรอบแคบ เจอแรงกดดันจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 25, 2016 09:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ แม้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้ แต่เป็นปัจจัยเฉพาะตัวของแต่ละตลาดฯ โดยตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น จากเรื่องผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดี และก็มีประเด็นเรื่องบริษัท เอที&ที ได้ประกาศซื้อกิจการของบริษัท ไทม์ วอร์เนอร์

สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะออกมาไม่ได้เด่นมากนัก อีกทั้งเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง โดย US Dollar Index ได้ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 9 เดือน ทำให้ไปกดดันตลาดฯ

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยสัปดาห์นี้ให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ และการให้ความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เป็นต้น

พร้อมให้แนวรับ 1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,505-1,510 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,223.03 จุด เพิ่มขึ้น 77.32 จุด (+0.43%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,309.83 จุด เพิ่มขึ้น 52.43 จุด (+1.00%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,151.33 จุด เพิ่มขึ้น 10.17 จุด (+0.47%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 64.21 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 0.28 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 22.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 15.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 5.45 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 2.32 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.32 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ต.ค.59) 1,500.37 จุด เพิ่มขึ้น 7.64 จุด (+0.51%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 534.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ต.ค.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 ต.ค.59) ปิดที่ 50.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 ต.ค.59) ที่ 6.78 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.07/08 แข็งค่าจากวันศุกร์ มองกรอบวันนี้ 34.95-35.15
  • นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างออกแบบการจัดเก็บภาษีจากส่วนต่างของราคาที่ดินที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ทั้งถนน มอเตอร์เวย์ ท่าเรือ สนามบิน หรือรถไฟ รวมถึงโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจด้วย
  • รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงฯ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำการศึกษาการเพิ่มการสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งด้านภาษีและการลงทุนสำหรับรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด เพิ่มเติมขึ้นจากปัจจุบันให้ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้า แต่ไม่เทียบเท่ากับรถยนต์ไฟฟ้า
  • ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผย สศค.จะต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้อย่างใกล้ชิด โดยจับตาดูตัวเลขในเดือน ต.ค.มากเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นเดือนที่ประชาชนอยู่ในภาวะโศกเศร้า และอยู่ในช่วงแห่งความอาลัย ทำให้การบริโภคในประเทศอาจลดลงในบางกลุ่ม เช่น กลุ่มภาคบริการ กลุ่มร้านอาหารที่มีดนตรี และขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจกระทบกลุ่มภาคการท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงได้
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจด้านการเงินและการธนาคาร ในส่วนเงินรับฝากและเงินให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในแต่ละภาค ประจำเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) มียอดคงค้างเงินรับฝากอยู่ที่ 6.54 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 2.84 หมื่นล้านบาท หรือ 4.53% แต่มียอดคงค้างเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ 8.06 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.01 หมื่นล้านบาท หรือ 2.56% ส่งผลให้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากสูงขึ้นเป็น 123.26% ซึ่งเป็นยอดการกู้เงินสูงที่สุดเมื่อเทียบกับภาคใต้และภาคเหนือ
  • ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่ตามแผนของกระทรวงคมนาคมว่า ขณะนี้มีรถไฟฟ้า 2 สายที่ได้เสนอรายละเอียดการดำเนินโครงการไปให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้วคือ 1.รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ระยะทาง 23.6 กม. วงเงิน (งานโยธา) 101,112 ล้านบาท และ 2.รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4 ระยะทาง 8 กม. วงเงิน (งานโยธา) 14,790 ล้านบาท โดยจากนี้ทางกระทรวงคมนาคมจะมีการพิจารณารายละเอียดก่อนนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการ จากนั้น รฟม.จึงเปิดประกวดราคาหาผู้รับเหมา โดยตั้งเป้าเริ่มก่อสร้างได้ใกล้เคียงทั้ง 2 สายปี 2560
  • ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯธอส.เผยตลาดที่อยู่อาศัยปีหน้าเข้าสู่จุดสมดุล ความกังวลเรื่องโอเวอร์ซัพพลายน้อยลง หลัง มาตรการรัฐช่วยดูดสต็อกเก่าได้มาก อีกทั้งผู้ประกอบการมีแนวโน้มเปิดโครงการใหม่ลดลง ต่ำสุดในรอบ 9-10 ปี
  • ธปท.ยอมรับสินเชื่อปีนี้ส่อโต ต่ำสุดรอบ 6 ปี หลัง 8 เดือนแรกโต เพียง 2% เหตุช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.โตอืด ชี้ผลจากเศรษฐกิจโตกระจุก อีกทั้งภาคเอกชน-รัฐหันระดมทุนผ่านตลาดบอนด์มากขึ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

  • VNG (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 18 บาท มีแผนเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าชีวมวลที่คาดว่าจะเริ่มประมูลได้ช่วงเดือน ก.พ. ปี60 ขนาด 400MW เบื้องต้นคาดกำลังผลิตที่ 9.9 MW โดย VNG มีเศษไม้ที่เหลือจากการผลิตสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 20-30MW พร้อมคาดในปี 60 ผลการดำเนินงานมีโอกาสทำ New High ภายใต้การรับรู้กำลังการผลิตเต็มที่ ทั้ง MDF และ Laminate Flooring เพิ่มขึ้น 24% และ 19% ตามลำดับ ทำให้คาดรายได้ขาย 12,583 ล้านบาท +14% และคาดความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น โดยคาด Gross Profit Margin เฉลี่ยประมาณ 30% และคาดกำไรสุทธิ ประมาณ 1,884 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% หรือ 1.20 บาท/หุ้น
  • BAY (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 42 บาท ประกาศกำไรสุทธิ Q3/59 ออกมาแข็งแกร่งที่ 5.8 พันลบ. +11% Q-Q, +20% Y-Y ดีกว่าฟินันเซียฯและตลาดคาดจากทั้งรายได้ดอกเบี้ยและไม่ใช่ดอกเบี้ยที่โตแข็งแกร่งรวมถึงหนี้สูญรับคืน ขณะที่ฝั่งต้นทุนควบคุมได้ดี ทำให้ NIM ทรงตัวในระดับสูง 3.77% ใกล้เคียง 2Q59 เงินให้สินเชื่อเติบโตเกินคาด +7.7% YTD โดยมีการรวมกิจการ HKL ซึ่งเป็น Micro Finance ในกัมพูชาเป็นไตรมาสแรก ขณะที่ NPL ลดลงเหลือ 2.1% ซึ่งต่ำที่สุดในกลุ่มธนาคาร ส่วน Coverage Ratio อยู่ที่ 152% เป็นรองเพียง BBL
  • KTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 168 บาท ประกาศกำไรสุทธิ 3Q59 ดีกว่าฟินันเซียฯและตลาดคาดโดย +10% Q-Q, +28% Y-Y และทำจุดสูงสุดใหม่จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่แข็งแกร่ง ขณะที่ฝั่งต้นทุนยังสามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2559-2560 เติบโตเฉลี่ยปีละ 18% Y-Y และเริ่มเห็น Upside จากรายได้ดอกเบี้ยที่อาจขยายตัวดีกว่าคาดจากการขยายตัวของสินเชื่อบุคคลซึ่งมีผลตอบแทนสูงและการตั้งสำรองที่น่าจะผ่อนคลายลงตามคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้น โดยล่าสุด NPL ลดลงเหลือ 1.86%
  • SYNEX (เคทีบี) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 6.80 บาท คาดกำไรสุทธิ Q3/59 จะกลับมาเด่น และดีสุดในรอบ 14 ไตรมาส จากรายได้ที่คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ และแนวโน้มรายได้งวด Q4/59 มีลุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อ จึงมองอนาคตสดใส ทั้งกำไรที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงแผนธุรกิจใหม่ๆ ที่อยู่ระหว่างการเจรจา โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุป 1 ดีล ภายในปีนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ