LHFund มองตลาดหุ้นไทยเล่นสั้นเสี่ยงเพิ่มหลังดัชนีขึ้นสูง แนะจัดพอร์ตลงกอง REIT-IFF ผันผวนต่ำ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 25, 2016 10:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHFund) เปิดเผยว่า จากการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในปีนี้และปีหน้า คาดการณ์จะมีอัตราเติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 3-3.5% โดยมีปัจจัยหนุนจากการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาครัฐและเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม ด้านปัจจัยต่างประเทศยังคงมีความเสี่ยงที่ต้องระวัง ได้แก่ การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป เช่น ประเทศฝรั่งเศสและเยอรมันเตรียมเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ประเทศอังกฤษที่จะบังคับใช้ Article 50 ในเดือนมีนาคมปีหน้าเพื่อเริ่มต้นการเจรจาต่อรองทางการค้ากับประเทศต่างๆ ภายในกำหนดระยะเวลา 2 ปี ส่วนประเทศญี่ปุ่นนั้นคาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะได้รับผลดีจากเงินเยนที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงในปีหน้า หากธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ ในส่วนของภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นของไทยนั้น หากเป็นการลงทุนในระยะสั้นจะต้องเพิ่มความระมัดระวังในกรณีที่ดัชนีปรับขึ้นสูงกว่า 1,500 จุด ซึ่งจะส่งผลให้มีค่า PE (Price-Earnings Ratio) อยู่ที่ 15 เท่า อย่างไรก็ตาม หากเป็นการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจ จากค่า PE ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปีหน้าที่จะปรับลดลงเหลือ 13.5 เท่า เนื่องจากคาดว่าในปี 60 ตลาดหุ้นไทยจะมีอัตรากำไรต่อหุ้นเติบโตสูงถึง 12-15% ขณะที่บริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและเล็กน่าจะมีกำไรต่อหุ้นเติบโตได้ 20-30%

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการจัดพอร์ตให้มีความผันผวนต่ำ ควรพิจารณากระจายการลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) หรือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) ซึ่งข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 19 ต.ค.59 มีการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ยในอุตสาหกรรม 5.54% ต่อปี และมีค่าเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงระหว่างราคากอง REITs และการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ค่าเบต้า) ต่ำอยู่ที่ 0.422 เท่า (ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 21/10/2557 – 20/10/2559)

ขณะที่อัตราผลตอบแทนรวมของดัชนีกอง REITs ในไทย จากต้นปีนี้ถึงวันที่ 6 ต.ค.ให้ผลตอบแทน 19.07% ถือว่าอยู่ในอัตราที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนการลงทุนในดัชนีผลตอบแทนรวมของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ 21.28% ที่มีความผันผวนสูงกว่า

นอกจากนี้ จากการศึกษาการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วงก่อนปี 51 ที่เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ และหลังปี 52 เป็นต้นมา พบว่าดัชนี REIT ประเทศในเอเชียยังคงปรับตัวขึ้นได้ (ที่มา Bloomberg)

ปัจจุบัน LHFund อยู่ระหว่างเปิดขาย IPO กองทุนเปิด แอล เอช ไทย พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล (LHPROP-INFRA) วันที่ 17-26 ตุลาคม 2559 ซึ่งเป็นกองทุนผสมที่มีนโยบายลงทุนในกอง REITs กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและตราสารหนี้ในประเทศไทย โดยสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์ดังกล่าวตั้งแต่ 0-100 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ซึ่งการกำหนดสัดส่วนการลงทุนในแต่ละหลักทรัพย์ LHFund จะพิจารณาจากสภาวะตลาดในแต่ละช่วงแบบยืดหยุ่นเพื่อประโยชน์สูงสุดของกองทุน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ