ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,492.12 จุด ลดลง 14.35 จุด (-0.95%) มูลค่าการซื้อขาย 46,358.16 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,507.20 จุด ส่วนดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,492.11 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 314 หลักทรัพย์ ลดลง 862 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 297 หลักทรัพย์
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับฐาน เช่นเดียวกันกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ เป็นไปตามสถานการณ์สินค้าโภคภัณฑ์ โดยราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงไปราว 1% ส่งผลให้กดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน ทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างปรับตัวลง
"ตลาดโดยรวมมีความผันผวน แนะใช้จังหวะของการย่อตัว ตั้งรับหุ้นรายตัวมากกว่าจะเป็นการกังวลต่อภาพของการปรับฐานรุนแรง"นายกรภัทร กล่าวว่า
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงนี้ คือ สถานการณ์ราคาน้ำมัน, ทิศทางค่าเงินเอเชีย เนื่องด้วยตลาดยังคงตอบรับความเสี่ยงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ช่วงปลายปี และยังมีความเสี่ยงของการเลือกตั้งสหรัฐฯ
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (27 ต.ค.) นายกรภัทร กล่าวว่า ตลาดฯน่าจะมีโอกาสรีบาวด์ หลังจากปรับฐานในวันนี้ รวมถึงตัวเลขส่งออกของไทยเดือนก.ย.ที่ออกมาดีกว่าตลาดคาด หรือเติบโตต่อเนื่อง 3.4% โดยเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากที่ตลาดคาดส่งออกหดตัว -1.3 ถึง -2% ก็น่าจะส่งผลให้ตลาดดีดกลับขึ้นมาได้
พร้อมให้แนวรับ 1,490 จุด แนวต้าน 1,509-1,514 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
SQ มูลค่าการซื้อขาย 2,971.29 ล้านบาท ปิดที่ 4.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,516.30 ล้านบาท ปิดที่ 18.70 บาท ลดลง 0.10 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,028.48 ล้านบาท ปิดที่ 172.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
ESSO มูลค่าการซื้อขาย 1,543.94 ล้านบาท ปิดที่ 9.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
BEM มูลค่าการซื้อขาย 1,161.88 ล้านบาท ปิดที่ 7.50 บาท ลดลง 0.25 บาท