โบรกฯแนะ"ซื้อ"THANI ธุรกิจสดใสมากขึ้นในปี 60 ตลาดรถบรรทุกขยายตัวแรงหนุนจากเมกะโปรเจคท์รัฐ,ต้นทุนการเงินลด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 4, 2016 15:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) หลังมองแนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อแข็งแกร่งในปีนี้ และต่อเนื่องถึงปี 60 จากความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ (เมกะโปรเจ็คต์) ตลอดจนการเติบโตการค้าชายแดน นอกจากนี้ การที่ทริสเรตติ้งปรับเพิ่มเครดิตเป็น "A-" จะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง ช่วยเสริมศักยภาพธุรกิจ

ขณะที่บริษัทตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะช่วยสนับสนุนให้กำไรเติบโตได้ดีต่อเนื่อง และยังนับเป็นหุ้นจ่ายปันผลดี อีกทั้งมีศักยภาพการเติบโตอีกมากทั้งจากตลาดรวมที่เติบโต สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้น และการเป็นบริษัทย่อยของธนาคารธนชาต ซึ่งให้การสนับสนุนทั้งการขยายธุรกิจ และการควบคุมความเสี่ยงปล่อยสินเชื่อ

ราคาหุ้น THANI ช่วงบ่ายอยู่ที่ 5.10 บาท ลดลง 0.15 บาท (-2.86%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลดลง 0.39%

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ           ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เอเชีย เวลท์                   ซื้อ                    6.20
          ฟินันเซีย ไซรัส                  ซื้อ                    6.20
          ไอร่า                         ซื้อ                    5.90
          ธนชาต                        ซื้อ                    6.40
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์               ซื้อ                    6.10

นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ คาดว่ากำไรสุทธิของ THANI ในปีนี้จะอยู่ที่ 855 ล้านบาท เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 14.3% จากปีก่อน จากการขยายตัวของสินเชื่อที่คาดว่าจะอยู่ระดับ 12% และสินเชื่อจะยังคงเติบโตต่อในปี 60 โดย THANI คาดว่าสินเชื่อในปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 15% สอดคล้องกับที่ค่ายรถยนต์ lSUZU และ HINO ประมาณการยอดขายรถบรรทุกในประเทศว่าจะเพิ่มขึ้น 15% ในปีหน้า

ปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตเหล่านี้มาจากความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกที่เพิ่มขึ้นหนุนโดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ และการค้าตามชายแดน ส่วนผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น แท๊กซี่ และรถหรู คาดว่าจะเติบโตดีเช่นกันในปีหน้า จากสมมติฐานปี 60 คาดว่าการขยายตัวของสินเชื่อจะเท่ากับ 15% ซึ่งตรงกับเป้าของบริษัท

ทั้งนี้ ในปี 60 ประมาณการสัดส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อ (credit cost) จะอยู่ที่ 145bps ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NlM) คาดว่าจะอยู่ที่ 4.9% ซึ่งจะผลักดันให้กำไรในปีหน้าเพิ่มขึ้น 21.3% จากปีนี้ ถึงแม้ว่า THANI อาจเผชิญแรงกดดันจากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าแนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อที่แข็งแกร่งจะช่วยลดความกังวลในเรื่องนี้ได้มาก

"คาดการณ์กำไรสุทธิจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งปี 59 ที่ 14% และปี 60 เติบโต 21.3% ได้ประโยชน์การลงทุนที่ฟื้นตัวเร็วของภาครัฐ และเร็วกว่าที่บริษัทคาด ในส่วนของสินเชื่อแม้แต่ธนาคาร สินเชื่อก็ยังโตแค่ 1-2% ส่วน THANI โตกว่า 10% และปี 60 ก็จะเร่งขึ้นไปอีก เพราะเมื่อมีการลงทุนเมกะโปรเจคท์โครงการภาครัฐ ความต้องการใช้รถบรรทุกก็จะเพิ่มขึ้น ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านการค้าชายแดนเติบโตก็ทำให้เร่งการขอสินเชื่อ จึงมองว่าสินเชื่อจะเติบโตสูงในปี 60"นายวรุตม์ กล่าว

นางสาวสุนันทา วสะภิญโญกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่า กำไรสุทธิของ THANI ในปี 59 จะอยู่ที่ 883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ที่ 952 ล้านบาท เติบโต 7.8% จากปีนี้ จากแนวโน้มยอดขายรถบรรทุกในปีหน้าจะดีกว่าปีกว่าปีนี้ ตามการฟื้นตัวของภาคการลงทุนและการก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชนเอื้อต่อการขายรถดัมพ์ รวมถึงการค้าชายแดนและการฟื้นตัวของภาคส่งออกเอื้อต่อการขายรถหัวลาก และคาดปี 59 จะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ราว 4.3%

นักวิเคราะห์ บล.ไอร่า คาดว่ากำไรของ THANI ในปี 60 จะอยู่ที่ 1,025 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ระดับ 0.42 บาท เติบโต 16.87% จากปีนี้ โดยมีปัจจัยบวกหลักจากต้นทุนการเงิน (Cost Of Fund:COF) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากที่ทริสเรตติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ของ THANI จาก "BBB+" เป็น "A-" ส่งผลหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดปี 60 จำนวน 5,760 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22% ของเงินกู้ทั้งหมด มีดอกเบี้ยระหว่าง 4.7-4.8% ลงเหลือ 2.5-2.8% ทำให้คาดว่าการชดเชยจากต้นทุนทางการเงิน จะปรับลดลงเหลือ 3.50% จากปี 59 ที่คาดไว้ที่ 3.68%

นอกจากนี้สิ นเชื่อปี 60 คาดเติบโต 16.7% ปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อประกอบด้วย รถบรรทุก 71% ,รถขนาดใหญ่ (Super Car) 15% โดยมองว่าสินเชื่อรถบรรทุกใหม่ และสินเชื่อรถ Super Car ซึ่งปัจจุบัน THANI เป็นเจ้าตลาดของรถประเภทนี้ จะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในปีหน้าจากสถานการณ์สินค้าเกษตรที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากที่เจอปัญหาภัยแล้ง และโครงการลงทุนเมกะโปรเจคของรัฐบาลช่วยกระตุ้นความต้องการรถบรรทุก

ส่วนประเด็น (มาตรฐานบัญชีใหม่) IFRS 9 ที่จะมีผลบังคับใช้ต้นปี 62 มองว่ายังอยู่ในวิสัยที่จัดการได้ โดยประเมินว่า ณ สิ้นปี 61 ค่าเผื่อสำรองหนี้สูญ (LLR) จะต้องอยู่ระดับ 1,820–2,100 ล้านบาท ณ ระดับสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) ที่ 4.5% ของสินเชื่อรวม โดยตั้งสำรองปีละ 570-660 ล้านบาท จะทำให้ LLR ในปี 62 อยู่ที่ 2,064–2,100 ล้านบาท

"แนะซื้อจากความน่าสนใจ ตลาดรถบรรทุกยังคงเติบโตสูงในปีหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากเมกะโปรเจคท์ของรัฐบาลและสถานการณ์สินค้าเกษตรกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ,ทริสเรตติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตส่งผลให้ COF ปรับตัวลดลง"นักวิเคราะห์ กล่าว

ขณะที่ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ มอง THANI มีแนวโน้มเป็นบวกมากขึ้นในปีหน้า แม้ปีนี้จะทำผลงานได้ดี สะท้อนจากยอดปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน และพอร์ตเพิ่มขึ้น 9.4% นับตั้งแต่ต้นปี แต่คาดว่าปีหน้าจะดียิ่งขึ้นอีก จากปัจจัยสนับสนุนหลักเกิดจากยอดขายรถบรรทุกเติบโตดีขึ้น ผู้ผลิตอย่าง ISUZU และ HINO ต่างเห็นพ้องว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 15% ในปีหน้าดีขึ้นจากปีนี้ที่เพิ่มขึ้น 10% ขณะที่ THANI เองก็มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น โดย ISUZU เปิดโอกาสให้ทำโปรโมชั่นเพียงรายเดียวในหลายโอกาส ส่วนแบ่งตลาดจึงเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และตั้งเป้าหมายเพิ่มจาก 15% เป็น 20%

นอกจากนี้ ปัจจัยบวกที่สำคัญคือจะมีรถแท็กซี่ครบอายุใช้งานสูงถึง 2.5 หมื่นคันในปีหน้า คิดเป็น 30% ของทั้งระบบ และสูงขึ้นจากปกติที่ครบปีละ 8,000 คัน โดย THANI บอกว่าได้เตรียมพร้อมเข้าแข่งขันแล้วเพราะเป็นตลาดที่น่าสนใจและ NPL ไม่สูงโดยอยู่ในระดับต่ำกว่า 2%

ขณะที่ ทริสเรตติ้ง ปรับเพิ่มเครดิตจาก "BBB+" ขึ้นเป็น "A-" ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญและเกิดขึ้นเร็วกว่าคาด ธนาคารต่าง ๆ และนักลงทุนสถาบันได้เริ่มทยอยลดอัตราดอกเบี้ยให้แล้ว THANI ยังมีหุ้นกู้ต้นทุนสูงที่ทยอยครบกำหนดอีกถึง 10 รุ่น เกือบ 1.2 หมื่นล้านบาทไปจนถึงกลางปีหน้า เครดิตที่เพิ่มขึ้นจะช่วยลดต้นทุนได้มากกว่าเดิม ซึ่งได้ประโยชน์อยู่แล้วจากดอกเบี้ยตลาดต่ำ

ทั้งนี้ THANI ตั้งเป้ายอดสินเชื่อปล่อยใหม่เติบโต 19% ในปีหน้าและพอร์ตเติบโตจาก 3.3 หมื่นล้านบาท เป็น 5 หมื่นล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% อย่างไรก็ดี เราประมาณการว่าสินเชื่อจะเติบโต 12% ซึ่งเป็นประมาณการที่มีความระมัดระวัง และด้วยค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่น่าจะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการเติบโตของรายได้ จะทำให้กำไรสุทธิเติบโตได้มากกว่าพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัว คาดว่ากำไรเติบโตระดับ 13% ในปีหน้า ซึ่งจะผลักดันให้อัตราผลตอบแทนจากส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) เพิ่มสูงขึ้นเป็น 18.9%

นอกจากนี้ THANI มีศักยภาพการเติบโตอีกมากทั้งจากตลาดรวมที่เติบโต สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้น และการเป็น บริษัทย่อยของธนาคารธนชาต ซึ่งให้การสนับสนุนทั้งการขยายธุรกิจและการควบคุมความเสี่ยงปล่อยสินเชื่อ นอกจากนี้ THANI ยังจ่ายเงินปันผลครั้งเดียวต่อปี ด้วยอัตราที่ดี 4.1% และเพิ่มเป็น 4.7% ในปีหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ