นายคาลิด มอยนูดดิน ฮาชิม กรรมการผู้จัดการ บมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) คาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะกลับมาฟื้นตัวในปี 61 จากดีมานด์และซัพพลายเรือในตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุล โดยหลังจากวันที่ 8 ก.ย.60 เรือที่มีอายุมากกว่า 15 ปีอาจจะถูกปลดระวางเมื่อถึงกำหนดเข้าอู่แห้ง ประกอบกับเศรษฐกิจโลกค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเรือขนาดระวางรวม 130.97 ล้านเวทตัน หรือ 16.67% ของกองเรือโลก ซึ่งมีอายุมากกว่า 15 ปี และมีกำหนดเข้าอู่แห้ง หลังจากวันที่ 8 ก.ย. 60 และมีแนวโน้มจะถูกปลดระวาง
"ปีนี้ ปีหน้า ผลประกอบการของเราคงยังไม่ดีนัก เพราะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน และซัพพลายที่ยังล้นตลาดอยู่ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าผลประกอบการจะกลับมาฟื้นตัวได้ในปี 61 จากดีมานด์ และซัพพลาย ที่เริ่มเข้าสู่จุดสมดุล"นายคาลิด กล่าว
นายคาลิค กล่าวว่า ค่าระวางเรือของบริษัทในขณะนี้ยังไม่ถึงระดับที่เป็นจุดคุ้มทุนที่ 8,500-8,600 เหรียญสหรัฐต่อลำต่อวัน ดังนั้น จึงคาดว่าผลประกอบการในปี 60 จะยังใกล้เคียงกับปี 59 ที่ยังคงมีแนวโน้มที่ไม่ดีขึ้นจากปี 58 ซึ่งเป็นไปตามภาพรวมอุตสาหกรรมเดินเรือ
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงด้านอุปสงค์มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น โดยดัชนี BDI ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องมาแตะระดับสูงสุดที่ 941 จุดเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ก่อนจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 860 จุดเมื่อวันที่ 4 ต.ค.59 และกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ 922 จุด เมื่อวันที่ 10 ต.ค.59 ซึ่งอุปสงค์ที่ได้ปรับตัวดีขึ้นกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอุปสงค์จากจีนที่ในไตรมาส 3/59 มีการนำเข้าแร่เหล็กเพิ่มขึ้น 9.1%, นำเข้าถ่านหินเพิ่ม 15.2%, ส่งออกเหล็กเพิ่ม 2.7% ขณะที่การผลิตเหล็กในจีนลดลง 0.3% จากที่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอด 7 เดือนที่ผ่านมาต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
นายคาลิค กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนจะลดอายุกองเรือลง โดยเตรียมขายเรือเก่าออกอีก 2 ลำในช่วงปลายปี 59 ถึงปี 60 และยังจะรับเรือใหม่อีก 2 ลำจากอู่ต่อเรือ Sanfu ก่อนสิ้นไตรมาสแรกของปี 61 จากปัจจุบันบริษัทมีกองเรือรวมทั้งหมด 37 ลำ ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมของอายุกองเรือลดลงมาอยู่ที่ 5-6 ปี จากช่วงปี 51 อายุกองเรือของบริษัทฯค่อนข้างสูงมากจึงทำให้การทำสัญญาระยะยาวเป็นไปได้ยาก แต่หลังจากที่อายุของกองเรือลดลงแล้วจะทำให้บริษัทฯมีสัญญาระยะยาวมากขึ้น