นายกมล บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ทีพีบีไอ (TPBI) คาดว่า ผลประกอบการในปี 60 จะเติบโตต่อเนื่องใกล้เคียงกับปีนี้ที่บริษัทมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 4% หรือทำได้ราวกว่า 5 พันล้านบาท จาก 4.8 พันล้านบาทในปีก่อน โดยเป็นการเติบโตมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทถุงหูหิ้วและถุงขยะที่คาดว่าเติบโตได้ราว 5% ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับบริโภคและอุปโภคเพื่อใช้ถนอมและยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟิล์มลามิเนตและฟิล์มแบริเออร์ คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%
สำหรับอัตรากำไรสุทธิในปีนี้บริษัทฯมั่นใจว่าจะอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 8% โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีอัตรากำไรสุทธิแล้ว 7.56% ปีก่อนที่ 7% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทฯ เน้นการบริหารจัดการต้นทุนได้ค่อนข้างดี
ประกอบกับ การเน้นขายสินค้าที่มีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูงเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯมีแผนดำเนินงาน 5 ปี มีเป้าหมายต้องการขยายพอร์ตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม เป็น 50 % และ สินค้าปกติราว 50% จากปีนี้สัดส่วนผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มจะอยู่ที่ 20%
"แนวโน้มยอดขายในไตรมาส 4/59 ยังเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/59 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น และยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องไปในปี 60 ซึ่งความต้องการสินค้าในต่างประเทศ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาทิ เพิ่มผลิตภัณฑ์ถุงใส่ผักผลไม้ให้กับลูกค้าในสหรัฐเริ่มสตาร์ทสินค้ากลุ่มใหม่นี้ให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ช่วงไตรมาส 3/59 ผู้บริหารเดินทางไปพบลูกค้าที่ไนจีเรีย ซึ่งบริษัทฯมองเห็นโอกาสในการเพิ่มศักยภาพของบริษัทฯ เนื่องจากไนจีเรียมีความต้องการสูง และเป็นตลาดใหญ่ โดยคู่ค้ามีประสบการณ์ยาวนาวหลายสิบปี ยังมีฐานลูกค้าค่อนข้างใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าจะสนับสนุนต่อการเติบโตของบริษัทฯในอนาคต" นายกมล กล่าว
สำหรับแผนการเข้าซื้อกิจการนั้น บริษัทฯยังอยู่ระหว่างเจรจาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯดูอยู่ในภูมิภาคเอเชีย โดยคาดว่าจะสรุปภายในปีนี้ หรืออย่างช้าคงเป็นช่วงต้นปี 60 ซึ่งบริษัทฯไม่ได้เร่งรีบนัก และเน้นหาบริษัทฯที่มีศักยภาพเป็นหลัก โดยบริษัทฯมองใน 2 แนวทางคือ การเข้าซื้อทั้งหมดทำให้บริษัทฯเติบโตแบบก้าวกระโดด หรืออาจจะเป็นการเข้าไปเข้าซื้อบางส่วนเพื่อรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเท่านั้น