ASP คาดรายได้ปี 60 โตต่อเนื่องจากปีนี้ ตามปริมาณการซื้อขายเพิ่ม, ดีลงาน IB ในมือเพียบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 17, 2016 14:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) คาดว่า รายได้ในปี 60 จะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ที่คาดรายได้จะมากกว่าปี 58 ที่มีรายได้ 2.1 พันล้านบาท โดยธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage) ฟื้นตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ซึ่งตลาดหุ้นไทยยังได้รับความสนใจในการเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะมีหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในปีนี้มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีความหลากหลายของธุรกิจ

ทั้งนี้มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 60 จะดีอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัวไปในทางที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มปิโตรเคมี น้ำมัน และสื่อสารที่มองว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ค้าปลีกเองก็เชื่อว่าจะดีขึ้นในปี 60 เนื่องจากช่วงปลายปีนี้คงจะไม่ดีนัก

สำหรับปัจจัยในประเทศที่ยังคงต้องติดตามคือ การลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐขนาดใหญ่ เนื่องจากจะช่วยการเติบของประเทศในระยะยาว ในส่วนของการไหลออกของเงินลงทุนต่างชาติมองว่าคงมีไม่มากแล้ว เนื่องจากเงินที่ลงทุนเหลือไม่มาก และในช่วงที่ผ่านมาก็ออกไปค่อนข้างมากแล้ว

"ปัจจัยที่ยังต้องติดตามคือเรื่องของในประเทศเป็นหลัก ซึ่งเรามองว่ารัฐบาลควรมีเงินลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก เพื่อที่จะผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้มากกว่านี้ ซึ่งเราเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพการเติบโตอีกมาก แต่ต้องอาศัยการลงทุนจากภาครัฐก่อนเพื่อที่จะสร้างความเชื่อมั่น อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าปีหน้าหลาย ๆ อย่างคงฟื้นตัวขึ้น"นายก้องเกียรติ กล่าว

ด้านธุรกิจวาณิชธนกิจ (IB) ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือทั้งสิ้น 54 ดีล แบ่งเป็นงานที่ปรึกษาการกระจายหุ้นและนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 25 ดีล และมีแผนทยอยเข้าจดทะเบียน 5-6 ดีล และงานที่ปรึกษาอื่น ๆ เช่น การซื้อกิจการ การร่วมทุน การออกหุ้นกู้ และการออกตั๋วแลกเงินระยะสั้น (B/E) อีก 29 ดีล จะทยอยออกตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้ จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 55% การลงทุน 20% ธุรกิจจัดการกองทุน 13% และธุรกิจวาณิชธนกิจและที่ปรึกษา 12%

นายก้องเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทเตรียมลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพอีก 1 แห่ง โดยจะเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ เนื่องจากมองว่าระยะยาวยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เพราะปัจจุบันการค้าขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จะต้องมีการใช้การขนส่งที่เพิ่มขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ