หุ้น AOT, THAI, BA, ERW ต่างขยับตัวขึ้น โดยเมื่อเวลา 10.12 น. หุ้น AOT บวก 1.91% มาอยู่ที่ 373 บาท เพิ่มขึ้น 7 บาท มูลค่าซื้อขาย 241.48 ล้านบาท
หุ้น THAI บวก 0.83% มาอยู่ที่ 24.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 173.31 ล้านบาท
หุ้น ERW บวก 0.44% มาอยู่ที่ 4.58 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท มูลค่าซื้อขาย 3.18 ล้านบาท
หุ้น BA บวก 0.42% มาอยู่ที่ 23.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 21.13 ล้านบาท
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า การออกมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียมค่าวีซ่า 1,000 บาทต่อคน และลดค่าธรรรมเนียมวีซ่าที่ช่องทางอนุญาตด่านตรวจคนเข้าเมืองจาก 2,000 บาทต่อคนเหลือ 1,000 บาทต่อคน เริ่ม 1 ธ.ค.-28 ก.พ.60 นั้น ทางการคาดว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว 3.57 แสนคน และรายได้เพิ่มจากการท่องเที่ยวเพิ่ม 2.87 หมื่นล้านบาท
กสิกรไทย มองว่า มาตรการดังกล่าวเป็นตัวช่วยประคับประคองสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ซบเซา ถือเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มท่องเที่ยวและขนส่งโดยรวมทั้ง บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT), บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW), บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL), บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT), บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV), บมจ.การบินกรุงเทพ (BA), บมจ.การบินไทย (THAI)
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกลุ่มดังกล่าวสามารถที่จะลงทุนได้ตาม Sentiment ที่เกิดขึ้น แต่ยังคงต้องระมัดระวังและติดตามว่ามาตรการจะได้ผลหรือไม่ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศยังคงไม่แน่ใจต่อการดำเนินกิจกรรมในประเทศช่วงไว้ทุกข์ว่าจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ แนะ"ซื้อ"หุ้น BA ไตรมาส 3 เป็น high season ของสนามบินสมุย จึงคาดการณ์การเติบโตของจำนวนผู้โดยสารที่ 8.4% ในช่วงปี 60-62 ทำให้คาดว่ากำไรในช่วงดังกล่าวจะแตะระดับสูงสุด ด้วย CAGR ที่ 8% ขณะเดียวกัน ประเด็นด้านพันธมิตรรหัสเที่ยวบินร่วมกัน (code share) ที่อาจเพิ่มเข้ามาอีก 5 ราย ก็จะสร้าง upside ต่อประมาณการกำไรของเรา พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 29.0 บาท
ส่วน บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) แนะนำหุ้น AOT คาดเป็นเป้าหมาย shot covering ทั้งนี้ ราคาหุ้นที่ปรับลดลง 13% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาน่าจะสะท้อนความเสี่ยงที่ชะลอตัวจากทัวร์ศูนย์เหรียญจีนหายไประดับหนึ่งแล้ว ขณะที่มาตราการลดค่าธรรมเนียมวีซ่าเพื่อดึงนักท่องเที่ยวน่าจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ