บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) แจ้งว่าตามที่ปรากฏข่าวในสื่ออินโดนีเซียเกี่ยวกับการระงับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจของ PTTEP ในประเทศอินโดนีเซียนั้น บริษัทขอแจ้งว่าขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับการติดต่อจากรัฐบาลอินโดนีเซียในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
อนึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 3/59 PTTEP มีโครงการและดำเนินกิจกรรมทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 39 โครงการ ใน 12 ประเทศ โดยในอินโดนีเซีย 1 โครงการ ได้แก่ โครงการนาทูน่า ซี เอ ซึ่ง PTTEP ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 11.5% ปัจจุบันมีปริมาณการขายก๊าซธรรมชาติทั้งหมดประมาณ 217 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน และน้ำมันดิบประมาณ 1,449 บาร์เรล/วัน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1% ของปริมาณการขายทั้งหมดของบริษัท
ขณะที่มีข่าวจากสื่ออินโดนีเซีย ระบุว่ารัฐบาลอินโดนีเซียตัดสินใจอายัดใบอนุญาตและสินทรัพย์ของ PTTEP ในอินโดนีเซียทั้งหมดเป็นการชั่วคราว สืบเนื่องจากเหตุการณ์การรั่วไหลของน้ำมันโครงการมอนทารา ในออสเตรเลีย ของ PTTEP เมื่อปี 52 ส่งผลกระทบต่อทะเลติมอร์
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณีข่าวที่รัฐบาลอินโดนีเซีย อาจจะระงับใบอนุญาตและสินทรัพย์ของบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ในอินโดนีเซียทั้งหมดเป็นการชั่วคราว สืบเนื่องจากเหตุการณ์การรั่วไหลของน้ำมันโครงการมอนทารา ในออสเตรเลีย ของ PTTEP เมื่อปี 52 จนส่งผลกระทบต่อทะเลติมอร์นั้น ล่าสุดได้มอบหมายให้ PTTEP ตรวจสอบกับทางการอินโดนีเซียว่ากระแสข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร
แต่ในเบื้องต้นพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในออสเตรเลีย และได้มีการจ่ายค่าชดเชยจบไปแล้วก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันทางอินโดนีเซียอ้างว่าน้ำมันจากแหล่งดังกล่าวเข้ามาในเขตน่านน้ำอินโดฯ และต่อมามีการพิสูจน์พบว่าไม่ใช่น้ำมันจากแหล่งมอนทารา ซึ่งเรื่องการพิสูจน์ก็จบสิ้นไปแล้วก่อนหน้านี้