LDC ศึกษาร่วมพันธมิตรขยายธุรกิจความงาม คาดผลประกอบการปี 60 ดีกว่าปีนี้หลังหยุดขยายสาขา

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 13, 2016 13:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวัฒนา ชัยวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. แอลดีซี เด็นทัล (LDC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาลงทุนธุรกิจความงามร่วมกับพันธมิตร โดยเป็นลักษณะความงามที่เกี่ยวเนื่องกับการทำฟัน เพราะปัจจุบันผู้บริโภคมาใช้บริการทำฟัน เพราะคาดหวังด้านรูปลักษณ์ที่ดีขึ้นด้วย ทั้งนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปี 60

ทั้งนี้ บริษัทฯคาดผลประกอบการปี 60 จะดีกว่าปีนี้ เนื่องจากบริษัทฯหยุดการขยายสาขาเพิ่ม เพื่อที่จะเข้ามาทำการตลาดเพื่อที่จะสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ของบริษัทฯให้มากขึ้น และบริษัทฯจะสามารถรับรู้รายได้เต็มปีในสาขาทั้งหมด 31 แห่ง พร้อมทั้งตั้งเป้าอัตราการเข้าใช้บริการของสาขารวมทั้งหมด บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 40% ในปี 60 จาก 30% ในปัจจุบัน

"ปีนี้เราคงต้องยอมรับว่าผลประกอบการทั้งปีคงจะออกมาขาดทุน เพราะช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมาบริษัทฯมีผลขาดทุนรวมอยู่ถึง 57.26 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าปีหน้าภาพรวมผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากเราหยุดขายสาขาเพื่อที่จะพัฒนาสาขาเดิมให้ขยายตัว และมีอัตราการเข้าใช้ที่สูงขึ้นก่อน โดยบริษัทฯจะปรับปรุงแผนการทำตลาดให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยใช้พรีเซ็นเตอร์เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ และปรับปรุงสาขาให้มีความทันสมัยมากขึ้น เบื้องต้นจะใช้ลงทุนปรับปรุงสาขา ประมาณสาขาละ 2-3 ล้านบาท และจะเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ ซึ่งบริษัทฯให้ความสำคัญกับแผนการตลาด เนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันด้านราคาในอุตสาหกรรมค่อนข้างสูง"นายวัฒนา กล่าว

ทั้งนี้ การเปิดสาขาใหม่ในช่วงเริ่มแรก บริษัทฯจะรับรู้รายได้ไม่เต็มที่นัก โดยมีอัตราการเข้าใช้บริการ (utilization rate) 20% เมื่อเทียบกับสาขาเดิมที่ 35% ซึ่งเป็นไปตามรูปแบบธุรกิจที่ต้องอาศัยความเชื่อมั่น และการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง จึงประเมินรายได้ตามสาขาใหม่ของ LDC จะใช้ระยะเวลา 3-5 ปี จึงจะถึงจุดคุ้มทุน อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังคงมั่นใจว่าในระยะยาวการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องครอบคลุมพื้นที่ที่มีศักยภาพทั่วประเทศนั้น จะเป็นจุดแข็งของบริษัทฯทำให้เกิด Economy of scale สนับสนุนการเติบโตของรายได้ และกำไรได้แข็งแกร่งแน่นอน

ในขณะเดียวกันบริษัทฯยังมองหาการขยายสาขาไปยังต่างประเทศเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากลูกค้าต่างชาติมีจำนวนมากขึ้นแต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะได้ข้อสรุปช่วงใด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ