(เพิ่มเติม) ตลท.คาดมูลค่าระดมทุน IPO ปี 59 ที่ 1.56 แสนลบ. ก่อนขยับเป็น 2.8 แสนลบ.ในปี 60,มองภาวะตลาดหุ้นยังผันผวน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 20, 2016 17:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดว่า มูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ (IPO) ในปี 59 จะอยู่ที่ 155,605 ล้านบาท และประมาณการในปี 60 อยู่ที่ 280,000 ล้านบาท ส่วนบริษัทจดทะเบียนระดมทุนปี 59 เพิ่มขึ้นถึง 279,344 ล้านบาท ขณะที่ประมาณการในปี 60 อยู่ที่ราว 270,000 ล้านบาท

ด้านสินค้าใหม่ ได้ขยายโอกาสสำหรับบริษัทขนาดเล็กโดยเปิดตัวดัชนี sSET Index ที่จะเริ่มเผยแพร่ดัชนีอย่างเป็นทางการ 4 มกราคม 60 และเพิ่มสินค้ายางพาราล่วงหน้า รวมถึงพัฒนาสินค้าใหม่ TFEX Gold-D เพื่อให้ตลาดทุนไทยมีสินค้าเพื่อการลงทุนและบริหารความเสี่ยงที่หลากหลาย ตอบรับความต้องการของทุกกลุ่ม ขณะเดียวกัน ยังสนับสนุนการเติบโตของผู้ประกอบการใหม่ (Startup) เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ Startup พบกับแหล่งทุน เดินหน้าต่อยอดพัฒนา platform เพื่อ Startup ในปีหน้า

ในเชิงคุณภาพ ตลอดทั้งปีนี้บริษัทจดทะเบียนไทยได้เข้าคำนวนใน global index เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย MSCI เพิ่ม 5 บริษัท รวมเป็นทั้งหมด 34 บริษัท และ 7 บริษัทจดทะเบียนไทย คว้า 14 รางวัลยอดเยี่ยมด้านนักลงทุนสัมพันธ์ จากทั้งหมด 24 รางวัลในระดับภูมิภาคอาเซียน จาก IR Magazine Award

สำหรับในปีนี้ ตลาดทุนไทยแสดงศักยภาพแข็งแกร่งต่อเนื่องในระดับภูมิภาค โดยดัชนี SET Index ปิดที่ 1,519.65 จุดสร้างผลตอบแทนเติบโตถึง 17.98% และสภาพคล่องสูงเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ที่ 53,208 ล้านบาท/วัน (ณ 15 ธ.ค.)

ด้านผู้ลงทุน สร้างเสถียรภาพและสมดุลอย่างต่อเนื่อง ในปี 59 สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายของผู้ลงทุนบุคคลและสถาบันอยู่ที่ 53% ต่อ 47% โดยมีผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ (ม.ค.-15 ธ.ค.) มูลค่า 78,264 ล้านบาท สำหรับจำนวนผู้ลงทุนรายย่อยใหม่ (ม.ค.-ต.ค.) เพิ่มขึ้น 79,723 ราย ขณะที่บัญชีซื้อขายอนุพันธ์ใหม่อยู่ที่ 10,785 ราย ผ่านการดำเนินโครงการต่าง ๆ ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ฯ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม และพันธมิตร ในกิจกรรมให้ความรู้ผู้ลงทุนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงทาง online และ social media

ขณะเดียวกันยังจัดตั้งศูนย์กลางการให้ความรู้แก่ภาคธุรกิจขึ้นในปีแรก เพื่อขยายความรู้แก่ภาคธุรกิจ ในปีนี้เข้าถึงผู้ประกอบการ Startup และเอสเอ็มอีอีกด้วย รวมถึงการส่งเสริมการขยายฐานการลงทุนผ่านกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) โดยให้ความรู้แก่สมาชิก PVD 187,190 คน และเน้นส่งเสริมให้บริษัทมี employee's choice เพิ่มขึ้น 741 บริษัท (ม.ค.-ต.ค.)

ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ ตลท. เปิดเผยว่า มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) สิ้นเดือนพ.ย. ของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 4.24 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตขึ้น 21.5% จากปี 58 ที่มีมาร์เก็ตแคป 3.49 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการเติบโตที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากในปีนี้มีบริษัทที่เข้ามาจดทะเบียนใหม่ (IPO) และ บริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนเพิ่ม ประกอบกับดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.98% ช่วยให้มาร์เก็ตแคปในปีนี้ขยายตัวได้ค่อนข้างมาก

สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปี 60 มองว่ายังคงมีความผันผวนมากเช่นเดียวกับช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนจากต่างประเทศเข้ามากระทบอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นกรณีผลกระทบจากการแยกตัวออกมาจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) การเข้ามารับตำแหน่งใหม่ของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ยังไม่ทราบถึงนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจน ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามยังคงเชื่อว่ารัฐบาลไทยจะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และบริษัทจดทะเบียนไทยเองมีความสามารถในการบริหารจัดการ และขยายกิจการไปยังต่างประเทศ จึงเชื่อว่าจะยังมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนไทยมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำ เพียง 1.1-1.2 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ และมีความสามารถในการลงทุนเพิ่มเติมได้

ด้านนายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาด mai ในปี 60 คาดว่าจะมีบริษัทเข้ามาระดมทุนไม่ต่ำกว่า 15 บริษัท และมีมาร์เก็ตแคปราว 2 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันมีบริษัทที่ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง)เรียบร้อยแล้ว 5 บริษัท และอีก 10 บริษัทจะยื่นไฟลิ่งในปีหน้า ซึ่งในปีหน้าบริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจบริการและอุตสาหกรรม โดยจากนี้คุณภาพของบริษัทจดเบียนจะสูงขึ้น สอดคล้องกับกณเกณฑ์ของพ.ร.บ.หลักทรัพย์ใหม่ อีกทั้งทางด้านที่ปรึกษาทางการเงินมีดีลในมือกว่า 100 บริษัทที่รอจะเข้าจดทะเบียนกว่า 5-7 ปี ทำให้คุณภาพในการเลือกบริษัทเข้ามาดูแลค่อนข้างสูงขึ้น

ส่วนปริมาณการซื้อขายปี 60 ของตลาด mai คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้และมีโอกาสกลับไปใกล้เคียงกับปี 58 ที่ทำได้ 3.16 พันล้านบาท/วัน โดยปี 59 นี้ ปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ประราว 2 พันล้านบาท/วัน ซึ่งอาจจะเห็นการลดลงบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ดีและถือว่าแรงซื้อเก็งกำไรนั้นได้ลดน้อยลง หลังมีกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ออกมาดูแลมากขึ้น

ทั้งนี้ การที่บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) จะย้ายไปซื้อขายในกระดาน SET นั้นจะมีผลกระทบต่อมาร์เก็ตแคปในตลาด mai จะหายไปกว่า 1 แสนล้านบาทจากปัจุบันที่ 4 แสนล้านบาท และจะทำให้ P/E สูงขึ้นเป็น 70 เท่าจากปัจจุบันที่ราว 60 เท่า ซึ่ง EA มีมาร์เก็ตแคปกว่า 35 เท่า แต่ในแง่ปริมาณการซื้อขายอาจจะไม่ลดลงมากนักเนื่องจากมูลค่าการซื้อขายในหุ้น EA อยู่ที่ราว 100 ล้านบาท/วัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ