โบรกฯเชียร์"ซื้อ"ILINK คาดกำไรปี 60 โตกระโดด Backlog หนุน,ลุ้นงานสายเคเบิลใต้น้ำเกาะสมุย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 21, 2016 13:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) หลังคาดกำไรปี 60 เติบโตก้าวกระโดดจากปีนี้ ตามความคาดหวังงานวางสายเคเบิลใต้น้ำเกาะสมุย (Submarine cable) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่การเปิดประมูลถูกเลื่อนออกไปเป็นปีหน้า นอกเหนือจากที่จะรับรู้รายได้งานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ราว 1,700 ล้านบาทเข้ามา รวมถึงรับผลบวกการเติบโตของ ITEL ด้วย

สำหรับ Upside risk ต่อประมาณการกำไร ยังจะมาจากงานระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) มูลค่าเกือบ 3 พันล้านบาทของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 ซึ่ง ILINK ร่วมกับซีเมนส์เข้าประมูลงาน คาดว่าจะรู้ผลภายในปีนี้ ขณะที่ราคาหุ้นในปัจจุบันยังมี Upside อยู่มากจากราคาเป้าหมาย

ราคาหุ้น ILINK ปิดเที่ยงวีนนี้ที่ 19.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท (+1.55%)

          ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ               ซื้อ                          24.50
          บัวหลวง                       ซื้อ                          30.00
          ทิสโก้                         ซื้อ                          28.80
          เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ               ซื้อ                          26.60
          นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน บล.บัวหลวง กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ ILINK ในปี 60 น่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 400 ล้านบาท เติบโต 55% จากปีนี้ เนื่องจากมี Backlog รองรับไว้แล้วเกือบ 1,700 ล้านบาท ประกอบด้วย งาน AOT C3 ราว 800 ล้านบาท งานก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี มูลค่าราว 310 ล้านบาท งานสร้างสถานีไฟฟ้าระบบ 115-22 เควี มูลค่าราว 563 ล้านบาท และงานอื่น ๆ อีก ขณะที่ยังรวมกำไรที่คาดว่าจะเติบโตสูงของบมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) เข้ามาช่วยหนุนด้วย
          สำหรับ Upside risk ต่อประมาณการกำไรจะมาจากงานระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ  มูลค่าเกือบ 3 พันล้านบาท ของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่ง ILINK ร่วมกับซีเมนส์เข้าร่วมประมูลงาน คาดรู้ผลภายในปีนี้
          นอกจากนี้ ธุรกิจจำหน่ายสายสัญญาณ ซึ่งมีสัดส่วนเป็นรายได้หลักราว 50-60% มีแนวโน้มการเติบโตที่สดใสยิ่งขึ้น เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนของกลุ่มผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือ (Mobile Operator) และโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) คาดหนุนให้ตลาดสายสัญญาณมีการเติบโตสูงกว่าในอดีต เช่น การวางโครงข่ายสื่อสารความเร็วสูง (National broadband) คาดว่าจะมีความต้องการสายไฟเบอร์ออฟติก มูลค่าราว 2-4 พันล้านบาท ซึ่ง ILINK เป็นหนึ่งในผู้ที่มีศักยภาพที่จะเข้ารับงานเพิ่มเติม
          "ปัจจุบันนักลงทุนคงยังมีความกังวลกับการรักษาอัตรากำไรในแต่ละโครงการ เนื่องจากเป็นการรับงานในช่วงที่มีการแข่งขันสูง แต่เรายังมั่นใจในความได้เปรียบด้านต้นทุน ที่ได้เห็นในงานสายไฟฟ้าใต้น้ำที่ผ่าน ๆ มา ILINK สามารถรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจได้ และคาดตลาดจะกลับมามั่นใจเมื่อเห็นอัตรากำไรของโครงการในงบการเงิน ซึ่งเราได้เห็นบ้างแล้วในงบไตรมาส 3/59 นี้ว่ามีมาร์จิ้นราว 15% และคาดมาร์จิ้นจะดีขึ้นเมื่อรายได้เพิ่มมากขึ้นในไตรมาสถัด ๆ ไป"นายวิกิจ กล่าว
          บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรของ ILINK ในปี 60 จะก้าวกระโดดเป็น 75% เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโครงการวางสายเคเบิลใต้น้ำเกาะสมุย มีมูลค่าโครงการสูงเป็น 2-2.3 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าในช่วงไตรมาส 1/60 จะผ่านมติที่ประชุมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และงานโครงการ Power Substation ที่สุวรรณภูมิ  ซึ่งทั้งสองโครงการนี้เป็นสัดส่วนถึง 29% เทียบกับประมาณการรายได้ปี 60
          ทั้งนี้ ปรับเพิ่มราคาพื้นฐานใหม่ของ ILINK เป็น 24.50 บาท สะท้อนการปรับประมาณการผลการดำเนินงานเพิ่มในงวดปี 60 และ 61 ในอัตรา 2% และ 1% ตามลำดับ หลังล่าสุด ILINK แจ้งได้งานปรับปรุงสายส่งระบบ 115 เควี มูลค่า 203.26 ล้านบาท ของกฟภ. ซึ่งเป็นการดำเนินการในนามของกลุ่ม Consortium ศรีชลธร และ อินเตอร์ลิ้งค์เพาเวอร์ ซึ่งคาดว่าจะลงนามสัญญาจ้างเหมาได้ในเดือนม.ค.60 อีกทั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้  ITEL ซึ่ง ILINK ถือหุ้นอยู่ 60% นั้น ยังได้งานการบำรุงรักษาไฟเบอร์ออฟติกครอบคลุมทั้งเขตภาคเหนือและใต้ของไทย 2 โครงการ มูลค่า 125 ล้านบาทด้วย
          ขณะที่คาดว่าเมื่อมีความคืบหน้าการประมูลโครงการเกาะสมุย ก็อาจจะเป็นแรงกระตุ้นราคาหุ้น (catalyst) ได้ในปีหน้าด้วย
          ด้านบทวิเคราะห์บล.ทิสโก้ ระบุว่า ราคาหุ้น ILINK ยังมี Upside สูงเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายที่ระดับ 28.80 บาท  แม้งานหลักอย่าง Submarine cable ที่คาดหวังจะผ่านครม.ในปีนี้และรับรู้รายได้ทันมีแนวโน้มล่าช้าออกไป ทำให้อาจต้องปรับประมาณการปี 59 ลงเล็กน้อย แต่ประเมินว่าไม่กระทบประมาณการปี 60 อย่างมีนัยสำคัญ เพราะมีงานประมูลนำสายไฟฟ้าลงดินโครงการพระราม 3 ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มูลค่าราว 1.8 พันล้านบาทที่คาดว่าจะมีโอกาสเคาะราคาประมูลได้ในเดือนธ.ค.นี้เข้ามาทดแทนได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ