WHA คาด Q4/59 พีคสุดของปีหลังรับรู้ฯขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์,รายได้เข้าเป้า 1.7 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 26, 2016 10:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 4/59 จะเติบโตอย่างโดดเด่นและดีสุดในปีนี้ ซึ่งมาจากการรับรู้รายได้จากการเสนอขายทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ 2 กอง และการรับรู้รายได้จากการร่วมทุนกับกลุ่ม Daiwa House ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่น ในการพัฒนาโครงการที่บางนา-ตราด และแหลมฉบัง บวกกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรม และการให้เช่าอาคารคลังสินค้าและโรงงานมีการเติบโตตามการเติบโตของเศรษฐกิจมากขึ้น หนุนให้รายได้ทั้งปีนี้เป็นไปตามเป้าที่ 17,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 13,102 ล้านบาทในปีที่แล้ว

ทั้งนี้ บริษัทได้โอนทรัพย์สินให้ 2 กองทรัสต์ ได้แก่ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) เมื่อปลายเดือนพ.ย.และต้นธ.ค.59 ตามลำดับ โดยมีมูลค่ารวมจากการขายทรัพย์สิน 12,208.6 ล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าวจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/59 นี้

นอกจากนี้ บริษัทได้นำเม็ดเงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินดังกล่าว ไปชำระหนี้เงินกู้กับสถาบันการเงิน ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (Gearing Ratio) ในปี 59 ลดลงอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2 เท่า นอกจากนี้จะใช้เม็ดเงินส่วนที่เหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียนและค่าใช้จ่ายในการลงทุนโครงการใหม่ (CAPEX) ในปี 60

สำหรับแผนงานในปี 60 บริษัทเตรียมนำบมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 229.50 ล้านหุ้น และคาดว่าบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงอยู่ที่ประมาณ 1.3 เท่า

นอกจากนี้ยังจะเริ่มพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ในประเทศเวียดนาม ขนาดพื้นที่ประมาณ 20,000 ไร่ จากก่อนหน้านี้ที่มีการลงทุนในการพัฒนาพื้นที่เพื่อสร้างคลังสินค้าในประเทศอินโดนีเซีย ขนาดประมาณ 2.5 หมื่นตารางเมตร สำหรับธุรกิจด้านดิจิตอลจะเริ่มเห็นความชัดเจนด้านการลงทุนมากขึ้นในปี 60

"บริษัทยังคงดำเนินแผนธุรกิจใน 5 ปีข้างหน้าตามที่เคยประกาศไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมทุนจาก 4 ธุรกิจในปี 63 ประมาณ 21,000 ล้านบาท"นางสาวจรีพร กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ