DRT คาดปีนี้ตลาดวัสดุก่อสร้างฟื้นตัวรับราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น-เอเย่นต์สต็อกสินค้าเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 9, 2017 12:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 60 มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน สะท้อนจากเครือข่ายร้านตัวแทนจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างแบบดั้งเดิมของตราเพชร ที่กระจายตัวอยู่ในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ได้เริ่มทยอยสั่งสต็อกสินค้าวัสดุก่อสร้างเข้าร้านเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการขายสินค้าในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ นับเป็นสัญญาณที่ดีหลังจากที่มีความมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ การที่ราคาพืชผลทางการเกษตรได้ทยอยปรับราคาสูงขึ้น เช่น อ้อย และยางพารา ส่งผลให้รายได้ของเกษตรกรในต่างจังหวัดปรับตัวดีขึ้น ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้พร้อมจับจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างเพื่อนำไปปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกันห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ ต่างเร่งโหมทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายตั้งแต่ช่วงต้นปี ซึ่งสามารถกระตุ้นความต้องการใช้สินค้าได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง

"สถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้เราค่อนข้างมั่นใจว่าในปีนี้จะมีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานั้นผู้บริโภคมีเงิน แต่ไม่กล้าที่จะจับจ่ายใช้สอย ทำให้ตลาดวัสดุก่อสร้างอยู่ในภาวะซึม ๆ เติบโตได้เพียงเล็กน้อย แต่หลังจากที่รัฐบาลเร่งอัดฉีดงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประชาชนเริ่มมีความเชื่อมั่นและกล้าใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้ามากขึ้น"นายสาธิต กล่าว

นายสาธิต กล่าวอีกว่า บริษัทประเมินว่าตลาดซ่อมแซมบ้านเก่าจะเติบโตได้ดีในปีนี้ โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด ส่งผลให้ความต้องการซื้อสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ที่ลูกค้านิยมนำไปใช้ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย ซึ่งบริษัทได้เตรียมความพร้อมรองรับโอกาสจากความต้องการสินค้าดังกล่าว โดยใช้กำลังการผลิตอยู่เกือบเต็ม 100% และเพิ่มพื้นที่กองเก็บสินค้าภายในโรงงานเพื่อสต็อกสินค้าให้เพียงพอต่อคำสั่งซื้อของตัวแทนจำหน่ายอีกด้วย

ขณะเดียวกัน บริษัทยังเตรียมความพร้อมด้านการฝึกอบรมทักษะทีมช่างติดตั้งที่พร้อมเข้าไปช่วยบริการให้แก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ตราเพชร ซึ่งเชื่อว่าด้วยแนวทางดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากมีความพร้อมทั้งสินค้าและบริการ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ