ECF ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตกว่า 10% ไม่รวมธุรกิจใหม่, คาดธุรกิจใหม่-พลังงานทดแทนชัดเจนใน H1/60

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 11, 2017 14:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) คาดว่า รายได้ในปีนี้(ไม่รวมธุรกิจใหม่)จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเบื้องต้นบริษัทฯได้ตั้งงบลงทุนไว้ราว 100-150 ล้านบาท เพื่อที่จะใช้ในการซื้อเครื่องจักร ขยายคลังสินค้าเพิ่มเติม

บริษัทจะมุ่งเน้นการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ เบื้องต้นวางแผนขยายตลาดในประเทศโดยขยายสาขาภายใต้แบรนด์ ELEGA อีก 3 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 16 สาขา และวางแผนเปิดสาขา ร้าน FINNA HOUSE จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ภายใต้ลิขสิทธิ์ DISNEY เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีอยู่ 5 สาขา ขณะเดียวกันบริษัทยังมีโอกาสสร้างการเติบโตของยอดขายจากออร์เดอร์ที่มากขึ้นตามการขยายสาขาของลูกค้ากลุ่มโมเดิร์นเทรด

ส่วนตลาดต่างประเทศ มีสัญญาณการเติบโตที่ดี บริษัทได้รับออเดอร์จากลูกค้าในประเทศญี่ปุ่นอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกันนี้บริษัทจะขยายฐานลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ โดยเน้นการส่งสินค้าไปจำหน่ายในกลุ่มประเทศอาเซียน หรือ AEC อาทิ ประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ เป็นต้น และพยายามผลักดันให้สัดส่วนรายได้จากกลุ่มประเทศ AEC เพิ่มขึ้นที่ 10 % จากเดิม 5 % พร้อมกับออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างยอดการขายเฟอร์นิเจอร์ให้เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าต่างประเทศ 55% ภายในประเทศ 45%

สำหรับธุรกิจร้านค้าปลีกรูปแบบร้าน 100 เยน “Can Do" จากประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้เปิดสาขาแล้วจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ เดอะ พาซิโอ พาร์ค กาญจนาภิเษก โฮมโปร รัตนาธิเบศร์ โฮมโปร ราชพฤกษ์ และอินเด็กซ์ ลีฟวิ่ง มอลล์ บางใหญ่ ซึ่งในปีนี้บริษัทมีแผน จะขยายสาขาเพิ่มอีก 6 สาขา ซึ่งเมื่อสร้างฐานรายได้ Can Do แข็งแกร่งแล้วจะพิจารณาเรื่องการเปิดขายแฟรนไชส์อีกครั้ง

"ปีนี้ทุกๆอย่างมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และสถานการณ์ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นที่เศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น สหรัฐฯเองก็มีความชัดเจนของประธานาธิบดีคนใหม่แล้ว จีนเองก็เริ่มกลับมาดีขึ้น ก็เชื่อว่าจะเริ่มกลับมาซื้อของ ซึ่งปีนี้เราก็เชื่อว่าจะช่วยให้ผลประกอบการของเราดีขึ้นได้"นายอารักษ์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทฯเตรียมที่จะสรุปแผนการลงทุนในธุรกิจใหม่ ในช่วงไตรมาส 1/60 ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิม แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ราว 10-15% ในปี 60 โดยจะมีการเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดในวันที่ 12 ม.ค. เพื่อสรุปอีกครั้ง

นายอารักษ์ กล่าวถึงธุรกิจร้านค้าปลีกรูปแบบร้าน 100 เยน "Can Do" จากประเทศญี่ปุ่น บริษัทฯได้ตั้งงบลงทุนไว้ราว 50-60 ล้านบาท เพื่อที่จะใช้ในการขยายสาขาใหม่ 6 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 6 สาขา โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับโครงสร้าง ระบบภายในให้มีความแข็งแกร่งก่อนที่จะพิจารณาขายแฟรนไชส์อีกครั้ง

ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้านั้น หลังจากที่บริษัทฯได้ตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ร่วม บมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) นั้น บริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจาและศึกษาเพื่อเข้าซื้อกิจการ หรือเข้าถือหุ้นบางส่วนในโครงการโรงไฟฟ้า ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในช่วงไตรมาส 2/60


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ