โบรกฯเชียร์"ซื้อ"SCC กำไรปีนี้ทรงตัวสูง-เล็งธุรกิจปูนฯฟื้นรับโครงการภาครัฐ-ราคาหุ้นยังไม่แพง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 11, 2017 17:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างแนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) โดยมองกำไรปี 60 ยังคงทรงตัวในระดับสูง จากธุรกิจปิโตรเคมียังอยู่ในวัฏจักรขาขึ้นเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว แม้มีโอกาสอ่อนตัวลงบ้างในปีนี้ แต่ธุรกิจปูนซิเมนต์คาดว่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯที่ช่วยกระตุ้นปริมาณความต้องการใช้ปูนฯในประเทศ ส่วนการลงทุนในต่างประเทศเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตในระยะยาว

นอกจากนี้ ราคาหุ้น SCC ปัจจุบันเทรด P/E ไม่แพงเมื่อเทียบกับ P/E ของตลาดฯ พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ไว้ในช่วง 52,175-56,031 ล้านบาท จากปี 59 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิในช่วง 52,800-53,375 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ถือว่าดีมาก

ราคาหุ้น SCC ปิดที่ 502 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท (+0.80%) ขณะที่ SET Index เพิ่มขึ้น 0.05%

          โบรกเกอร์                คำแนะนำ              ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เอเชีย เวลท์                ซื้อ                      638
          เอเชีย พลัส                 ซื้อ                      610
          เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อ                      600
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)          ซื้อ                      590
          กรุงศรี                     ซื้อ                      550
          นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ปีนี้กำไรของ SCC คาดว่าจะทรงตัวในระดับสูงเมื่อเทียบกับปี 59 ยังคงมาจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ยังอยู่ในวัฏจักรขาขึ้นเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว ซึ่งทำให้สเปรดปิโตรฯและราคาผลิตภัณฑ์อยู่ระดับสูง แต่สเปรดปิโตรฯปกติมักจะเป็นขาขึ้นประมาณ 4-5 ปีก็จะเริ่มอ่อนตัวลง ซึ่งเริ่มเห็นการอ่อนตัวลงในเดือน ม.ค.แล้ว ดังนั้น สเปรดปิโตรฯในปีนี้อาจจะสู้ปี 59 ไม่ได้
          แต่ธุรกิจปูนซิเมนต์ในปีนี้คาดว่าจะดีขึ้นจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯที่ช่วยกระตุ้นความต้องการใช้ปูนฯในประเทศ โดยมีการก่อสร้างทั้งมอเตอร์เวย์ โดยเฉพาะจากเส้นชลบุรี (ท่าเรือแหลมฉบัง) เชื่อมต่อไปยังนครราชสีมา (โคราช) ระยะทาง 288 กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นถนนคอนกรีต เชื่อว่าจะกระตุ้นการใช้ปูนซิเมนต์มากพอควร และยังมีก่อสร้างรถไฟฟ้าอีกด้วย โดยในปีที่แล้วเปิดประมูลไปแล้วในสายสีส้ม, สายสีชมพู และสายสีเหลือง น่าจะเริ่มเห็นก่อสร้างในปีนี้เป็นปีแรก แม้ว่าจะยังใช้ปูนฯไม่มาก แต่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการเห็นโอกาสทางธุรกิจและอาจเกิดการก่อสร้างตามแนวรถไฟฟ้าได้มากขึ้น
          ดังนั้น ในปี 60 ธุรกิจปูนซิเมนต์น่าจะเริ่มเห็นการเติบโตขึ้นจาก Demand ที่ดีขึ้น แต่ SCC ก็ยังมีต้นทุนที่เป็นปัจจัยลบจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นมาก ซึ่งถ่านหินเป็นต้นทุนหลัก และยังมีค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นด้วยจากการเปิดโรงปูนฯใหม่
          อย่างไรก็ดี ราคาเป้าหมาย SCC ที่ให้ไว้ 610 บาท/หุ้น คิด P/E ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับ P/E ของตลาดฯที่เทรดในปัจจุบันถึง 16 เท่า และแนวโน้มกำไรของ SCC ก็สามารถยืนได้ในระดับสูง พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ไว้ที่ 52,175 ล้านบาท อ่อนลงจากปี 59 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 52,800 ล้านบาท เนื่องจาก 59 ธุรกิจปิโตรเคมีถือว่าดีมาก ๆ
          สำหรับนายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ให้เหตุผลที่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น SCC เนื่องจากผลตอบแทนดี โดยปัจจุบันราคาหุ้น SCC เทรด P/E แค่ 12-13 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่า P/E ของตลาดฯ โดยให้ราคาเป้าหมายของหุ้น SCC ไว้ที่ 600 บาท/หุ้น คิดเป็น P/E 15 เท่า
          ผลการดำเนินงานของ SCC ในปีนี้คาดว่ากำไรจะไม่ได้เติบโตไปกว่าปี 59 มากนัก เนื่องจากธุรกิจปิโตรเคมีเข้าสู่ peak cycle แล้ว และปีนี้น่าจะเริ่มอ่อนตัวลง ขณะที่ธุรกิจปูนซิเมนต์ในปีนี้น่าจะฟื้นตัวขึ้นได้เล็กน้อยตามความคืบหน้าของเมกะโปรเจคท์ของภาครัฐฯ ส่วนธุรกิจกระดาษก็น่าจะทรงตัว
          ด้านบล.เอเชีย เวลท์ มองกำไรสุทธิของ SCC ทั้งปี 59 คาดมีโอกาสสูงที่จะทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 53,002 ล้านบาท (+17% YoY) โดยมีแรงหนุนการผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของสายธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่อยู่ในช่วงวงจรขาขึ้น และน่าจะยังคงอยู่ต่อไปอีก 3-4 ปีข้างหน้า เนื่องจากไม่มีซัพพลายใหม่ขนาดใหญ่เกิดขึ้น
          ขณะที่คาดกำไรสุทธิปี 60 จะเติบโตได้ต่อเนื่องอีก 6% YoY จะมี 56,031 ล้านบาท เนื่องจากเป็นปีที่สายธุรกิจเคมีภัณฑ์มีผลการดำเนินงานโดดเด่นเนื่องจากจะดำเนินงานเต็มอัตรากำลังการผลิต ประกอบกับ ธุรกิจปูนซิเมนต์ และวัสดุก่อสร้าง จะเริ่มฟื้นตัว โดยได้รับแรงหนุนเริ่มแรกจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ ส่วนการลงทุนและตลาดต่างประเทศเพื่อนบ้านยังคงปัจจัยหนุนการเติบโตของ SCC ในระยะยาว
          ส่วนบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ"หุ้น SCC มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว โดยแนวโน้มในปี 60 ยังน่าจะไปได้ดี หากคำนึงถึงโครงการภาครัฐฯใหม่ที่จะมีมากขึ้น และการคาดหมายความเชื่อมั่นของตลาดอสังหาฯที่อยู่อาศัยและการพาณิชย์ แนวโน้มปูนฯน่าจะกลับมาฟื้นตัว 3-5%
          ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมียังอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งมีการคาดหมายว่า วงจรขาขึ้นจะดำรงอยู่ต่อไปอีก 3-4 ปี ขณะที่ธุรกิจกระดาษที่เริ่มเน้นผลิตบรรจุภัณฑ์ให้ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มน่าจะมีการเติบโตดีกว่าปี 59 เพราะแนวโน้มการบริโภคปี 60 ที่ดีขึ้น จากการฟื้นตัวจากภัยแล้ง และการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการลงทุนภาครัฐฯ
          ทั้งนี้ คาดกำไรของ SCC ปี 60 จะเติบโต 6% มามีกำไร 54,414 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 59 ที่คาดว่าจะมีกำไร 53,375 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ