บล.ซีไอเอ็มบีฯ ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดปี 60 เป็น 6.5% จาก 6.2% ปีก่อน,มองเป้า SET สิ้นปีที่ 1,650 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 16, 2017 17:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บล.ซีไอเอ็มบีฯตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ในปี 60 เพิ่มเป็น 6.5% จากสิ้นปีก่อนที่ 6.2% โดยมีแผนการเพิ่มจำนวนลูกค้าสถาบันทั้งในและต่างประเทศให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันที่มีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าสถาบันทั้งในและต่างประเทศอยู่ที่ 40% ของลูกค้าทั้งหมด และวางเป้าหมายภายใน 3 ปี (ปี 60-62) จะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าจากสถาบันทั้งในและต่างประเทศเป็น 60%

นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้ามีลูกค้าใหม่ที่เปิดบัญชีในปีนี้อีก 6,000-8,000 บัญชี จากสิ้นปีก่อนที่มีจำนวนบัญชีลูกค้าทั้งสิ้น 60,000 บัญชี ซึ่งบล.ซีไอเอ็มบีฯถือว่ามีจุดแข็งในเรื่องการบริการที่ดี มีบทวิเคราะห์ที่มีคุณภาพ และลูกค้าเดิมมีการซื้อขายต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีลูกค้ารายย่อยที่ซื้อขายหุ้นผ่านระบบออนไลน์คิดเป็นสัดส่วนกว่า 60%

ทั้งนี้ บล.ซีไอเอ็มบีฯ ถือเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับที่ 2 ของตลาด มีฐานลูกค้าทั้งรายย่อย และสถาบันในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในอุตสาหกรรมบริษัทหลักทรัพย์ในปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงขึ้นตามมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น และมีบริษัทหลักทรัพย์รายใหม่เข้ามาในตลาดมากขึ้น โดยเร็ว ๆ นี้จะมีบริษัทหลักทรัพย์รายใหม่จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาเพิ่ม ซึ่งอยู่หว่างขอใบอนุญาต ทำให้มองว่าจะเกิดการแข่งขันทั้งด้านราคาและการดึงตัวบุคลากรมากขึ้น ส่วนค่าคอมมิชชั่นของ บล.ซีไอเอ็มบีฯ ในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.13% ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม

สำหรับมุมมองดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 60 คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1,650 จุด โดยมีราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 13-14 เท่า และคาดว่ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปีนี้จะใกล้เคียงปีก่อนที่ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งประเมินว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวดีขึ้นสอดคล้องไปกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่มีเม็ดเงินออกมากกว่า 1.7 ล้านล้านบาท ทำให้ภาคเอกชนเกิดการลงทุนตาม และส่งผลไปยังประชาชนที่จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น

ประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษตรดีขึ้น ทำให้คนที่อยู่ในภาคการเกษตรที่เป็นผู้บริโภคส่วนใหญ่มีรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้มีกำลังซื้อฟื้นตัวกลับมา และคาดว่าภาคการส่งออกไทยปีนี้จะดีขึ้นโดยมองว่าจะไม่ติดลบ และอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 60 จะอยู่ที่ 2.7-3.3% ซึ่งสูงกว่าปีก่อน ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น นายสุชาติ เห็นว่าหุ้นที่มีความน่าสนในการลงทุนปีนี้เป็นกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คือ หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้นและการบริโภคในประเทศที่ดีขึ้น คือ หุ้นกลุ่มอุปโภคและบริโภค อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามดูภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอน เช่น ในยุโรปที่ประเมินว่าเศรษฐกิจยังคงซบเซาต่อเนื่องไปอีก 10 ปีข้างหน้า ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ทำให้เงินลงทุนไหลกลับไปยังสหรัฐฯ หลังจากที่นายโดนัลล์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งต่อจากนี้จะต้องติดตามนโยบายว่าจะออกมาเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการตั้งกำแพงภาษีและกีดกันทางการค้า ซึ่งอาจกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยได้


แท็ก SET  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ