TMB รักษาอัตราเติบโตสินเชื่อรายใหญ่ปีนี้ 2-3% ใกล้เคียงปีก่อน หันเน้นเพิ่มสัดส่วน SME-รายย่อย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 26, 2017 17:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปิติ ตัณฑเกษม ปรธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อลูกค้าธุรกิจหรือสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ปี 60 เติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนที่เติบโต 2-3% โดยเป็นการเติบโตที่ชะลอตัวขึ้นของสินเชื่อรายธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคาร เพราะกลยุทธ์ของธนาคารตั้งแต่ปี 59 ที่ผ่านมาจะเน้นขยายกลุ่มลูกค้าที่เป็นรายย่อยและเอสเอ็มอีมากขึ้น

ปัจจุบัน ธนาคารพยายามปรับสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อของลูกค้าทั้ง 3 กลุ่ม ให้มีความสมดุลกันในอนาคต โดยมีสัดส่วนเป็น ลูกค้าขนาดใหญ่ 30% ลูกค้าเอสเอ็มอี 30% และลูกค้ารายย่อย 30% ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่มีสัดส่วนมากที่สุด และปัจจุบันมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในการให้สินเชื่อของกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ ทำให้มีมาร์จิ้นของการให้สินเชื่อลูกค้าขนาดใหญ่ลดลง

ดังนั้น ทำให้แผนกลยุทธ์การปล่อยสินเชื่อของธนาคารจึงหันไปเน้นกลุ่มลุกค้าเอสเอ็มอีและรายย่อยที่ให้มาร์จิ้นสูงกว่า แต่ธนาคารก็ยอมรับว่ากลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีและลูกค้ารายย่อยก็มีความเสี่ยงที่สูงค่อนข้างมาก และได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างมาก แต่ธนาคารก็พยายามควบคุมคุณภาพหนี้และติดตามปัญหาของลูกค้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงและทำให้ธนาคารมีลูกค้าที่มีคุณภาพ

สำหรับในปีนี้ธนาคารมองว่าธุรกิจขนาดใหญ่จะเป็นภาคธุรกิจแรกที่มีการฟื้นตัวกลับมาเป็นภาคธุรกิจแรกหลังแนวโน้มเศราบกิจไทยเริ่มมีการฟื้นตัวดีขึ้นเล้กน้อย โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนภาครัฐที่เป็นปัจจัยสนับสนุน โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ในตลาดที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุด และมีโอกาสต่อยอดไปถึงธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งอาจจะช่วยให้ภาคธุรกิจมีความต้องการใช้สินเชื่อ เพื่อนำมาลงทุนรองรับการขยายตัวในอนาคต โดยมองว่าภาพรวมของการขยายตัวสินเชื่อทั้งระบบธนาคารพาณิชย์จะขยายตัวอยู่ที่ 5-7% หรือเติบโตเป็น 2 เท่าของจีดีพี

นอกจากนี้ ธนาคารยังคงเน้นการพัฒนาและการลงทุนในเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกด้านการบริการให้กับลูกค้าของธนาคาร โดยเฉพาะการเน้นพัฒนาระบบโมบายล์ แบงก์กิ้ง ที่จะมีการเพิ่มเติมฟีเจอร์ต่างๆเข้ามามากขึ้นในอนาคตและสามารถให้บริการลูกค้าได้มุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งธนาคารตั้งงบลงทุนด้านไอทีในปีนี้อยู่ที่ 2-3 พันล้านบาท และคาดว่าจะใช้งบลงทุนด้านไอทีในปีต่อๆไปไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท

ปัจจุบันธนาคารเห็นถึงการเติบโตของการใช้บริการผ่านโมบายล์ แบงก์กิ้ง เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ทุกคนใช้บริการผ่านสาขาและตู้เอทีเอ็ม ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยได้มีการขยายสาขา เพิ่มจำนวนพนักงานและจำนวนตู้เอทีเอ้มเป็นจำนวนมาก และในช่วง 3-4 ปีหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนดลยีที่มีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวันของทุกคน ทำให้ธนาคารจึงนำเงินที่ใช้ในการลงทุนกับสาขาและการเพิ่มตุ้เอทีเอ็มไปลงทุนในเทคโนโลยีมากขึ้น

อีกทั้งธนาคารมองว่าปัจจุบันจำนวนตู้เอทีเอ็มในประเทศไทยมีจำนวนตู้ที่มากเกินไปแล้ว เพราะทุกธนาคารต่างมีการเพิ่มจำนวนตู้เอทีเอ็มของธนาคารตนเอง ซึ่งธนาคารอยากให้เกิดการเปลี่ยนของตู้เอทีเอ็มตามความคิดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ที่ต้องการให้มีตู้เอทีเอ็มที่ใช้ร่วมกันทุกธนาคารในประเทศ เพื่อลูกค้าของทุกธนาคารจะได้ใช้ร่วมกันได้ และมีจำนวนตู้เอทีเอ็มที่มีความเหมาะสม และช่วยลดต้นทุนของธนาคาร โดยปัจจุบันธนาคารมีจำนวนตู้เอทีเอ็มทั้งหมด 2,000-3,000 ตู้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ