โบรกฯแนะ"ซื้อ"BANPU มองกำไร Q4/59 นิวไฮรอบปี,ผลงานฟื้นโดดเด่นปีนี้รับผลบวกราคาถ่านหินพุ่ง-ไฟฟ้าหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 2, 2017 15:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.บ้านปู (BANPU) หลังมองกำไรในไตรมาส 4/59 จะทำระดับสูงสุดของปี รับอานิสงส์ราคาถ่านหินฟื้นตัว รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีในไทยและโรงไฟฟ้าหงสาในลาวที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งจะมีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทช่วยหนุนผลประกอบการด้วย

พร้อมประเมินราคาถ่านหินในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน จากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น และรับอานิสงส์ที่จีนควบคุมการผลิตถ่านหินภายในประเทศเพื่อป้องกันปัญหามลภาวะจะช่วยหนุนให้ธุรกิจถ่านหินของ BANPU กลับมามีกำไรในปีนี้ เมื่อรวมกับธุรกิจไฟฟ้าที่ยังทำกำไรได้ต่อเนื่อง ผลักดันให้กำไรในปี 60 ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ขณะที่ราคาหุ้น BANPU ยังเคลื่อนไหวต่ำกว่าราคาเป้าหมาย ทำให้ยังน่าสนใจในการเข้าลงทุน

ทั้งนี้ ราคาหุ้น BANPU ช่วงบ่ายอยู่ที่ 19.30 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น 0.02%

          กสิกรไทย                      ซื้อ                       23.10
          ทรีนีตี้                         ซื้อ                       23.60
          โกลเบล็ก                      ซื้อ                       21.75
          ทิสโก้                         ซื้อ                       23.00
          หยวนต้าฯ                      ซื้อ                       23.00
          ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ               ถือ                       21.00
           นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจัยพื้นฐานของ BANPU ค่อนข้างดีจากราคาถ่านหินที่ฟื้นตัวขึ้น โดยประเมินกำไรในไตรมาส 4/59 ที่กว่า 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับ 70 ล้านบาทในไตรมาส 3/59 และพลิกจากที่ขาดทุนสุทธิในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลหลักจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นมาก โดยราคาถ่านหินจากเหมืองในอินโดนีเซีย ปรับขึ้นราว 20% ซึ่งเป็นระดับที่ BANPU ทำกำไรได้ค่อนข้างดี ผนวกกับในไตรมาสนี้จะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนช่วยหนุนผลการดำเนินงาน
          สำหรับในปีนี้ BANPU จะยังได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากราคาถ่านหินที่ปรับขึ้น จากปริมาณถ่านหินในตลาดที่ลดลง หลังจีนมีนโยบายควบคุมการผลิตถ่านหินในประเทศเพื่อควบคุมมลพิษ และความต้องการใช้ในภูมิภาคมีมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยประเมินราคาถ่านหินเฉลี่ยของตลาดในปีนี้ที่ราว 80-90 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ BANPU ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้แล้วราว 40% ทำให้คาดว่าราคาขายถ่านหินของ BANPU ในปีนี้จะอยู่ที่กว่า 60 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากระดับกว่า 40 เหรียญสหรัฐ/ตันในปีที่แล้ว ซึ่งจะทำให้ธุรกิจถ่านหินในปีนี้กลับมาทำกำไรจากที่ขาดทุนในปีที่แล้ว ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้ายังมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง ก็จะช่วยหนุนให้กำไรสุทธิของ BANPU ในปีนี้เพิ่มขึ้นมากเป็นกว่า 5 พันล้านบาท จากราว 800-900 ล้านบาทในปีที่แล้ว
          "แม้ราคาถ่านหินที่ปรับขึ้นมา ทำให้ผู้ประกอบการก็จะขุดลงไปลึกขึ้น ซึ่งทำให้ต้นทุนแพง แต่ก็ไม่เท่ากับราคาถ่านหินที่ปรับขึ้นมา ทำให้กำไรขั้นต้นยังดี โรงไฟฟ้า performance ก็ดี เมื่อรวม 2 ธุรกิจที่ไฟฟ้าทำกำไรต่อเนื่อง และถ่านหินจากที่ขาดทุนในปีที่แล้วก็จะมีกำไรในปีนี้ ทำให้ผลการดำเนินงานของ BANPU ดีขึ้นมาก"นายเบญจพล กล่าว
          นายเบญจพล กล่าวอีกว่า สำหรับการที่ BANPU ยังเดินหน้าเข้าซื้อแหล่ง shale gas ในสหรัฐเพิ่มเติมเป็นแหล่งที่ 2 เมื่อเร็ว ๆ นี้มองว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ ซึ่งการลงทุนในธุรกิจ shale gas ที่ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้วนั้นนับเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะราคาก๊าซธรรมชาติ อยู่ในระดับต่ำสุดแล้ว และมีโอกาสฟื้นตัวได้ในอนาคตตามทิศทางราคาน้ำมัน
          ด้านนายอภิชาต ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ BANPU ในปีนี้จะฟื้นตัวขึ้นจากราคาถ่านหินที่สูงขึ้นตามทิศทางของราคาน้ำมัน อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากการที่จีนควบคุมการผลิตถ่านหินซึ่งมีผลต่อปริมาณถ่านหินที่ออกสู่ตลาดไม่มากนัก รวมถึงยังได้ปัจจัยเสริมจากการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าที่ดีต่อเนื่อง ช่วยหนุนกำไรในปีนี้
          ส่วนการเข้าลงทุนในธุรกิจ shale gas ในสหรัฐ ไม่ได้ให้น้ำหนักมากนักเพราะสัดส่วนผลการดำเนินงานที่กลับเข้ามาใน BANPU จะยังมีไม่มากนัก
          บทวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย คาดการณ์ว่า BANPU จะประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 4/59 ที่ 854 ล้านบาท เพิ่มกว่า 11 เท่าจากไตรมาส 3/59 และพลิกกลับจากขาดทุนกว่า 1.48 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายเฉลี่ยถ่านหินของ BANPU ที่ปรับตัวดีขึ้น 12% จากไตรมาสก่อน และงวดปีก่อน มาที่ระดับ 56.7 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของเหมืองในอินโดนีเซียที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 17% ขณะที่ปริมาณขายถ่านหินรวมคาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 10.7 ล้านตัน
          นอกจากนี้ยังคาดว่า BANPU จะมีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอ่อนค่าจำนวน 411 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากธุรกิจถ่านหิน ถูกชดเชยบางส่วนจากผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจไฟฟ้า เนื่องจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี หยุดซ่อมบำรุงในไตรมาส 4 หลังจากจ่ายไฟฟ้าครบตามจำนวนตามสัญญาเป็นปกติ
          สำหรับผลการดำเนินงานของ BANPU น่าจะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 1/60 เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยถ่านหินน่าจะปรับตัวเพิ่มอีก 12-18% เป็น 70-75 เหรียญสหรัฐ/ตัน ประกอบกับโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี กลับมาดำเนินงานตามปกติ
          ด้าน บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่ากำไรสุทธิไม่รวมรายการพิเศษของ BANPU ในช่วงไตรมาส 4/59 จะเป็นจุดสูงสุดของปี 59 หนุนโดยราคาถ่านหินที่ฟื้นตัว และกำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี และโรงไฟฟ้าหงสาที่เพิ่มขึ้นราว 300 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ ยังจะฟื้นตัวโดดเด่นตามราคาถ่านหิน ที่ได้รับอานิสงส์นโยบายจีนที่ควบคุมการผลิตถ่านหินภายในประเทศ
          ขณะที่ประเมินกำไรและมูลค่าพื้นฐานส่วนเพิ่มจากการเข้าลงทุนในแหล่ง shale gas ในสหรัฐรวม 2 แหล่ง ได้แก่ แหล่ง Chaffee Corners และแหล่ง Marcellus Shale ที่ประมาณ 121 ล้านบาท/ปี และ 1.14 บาท/หุ้นตามลำดับ ขณะที่ผู้บริหารของ BANPU คาดว่าการเข้าลงทุนทั้ง 2 แหล่งดังกล่าวจะรับรู้กำไรตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ