น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจาก ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงยืนยันใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป และพร้อมจะเพิ่มวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อแย่ลง รวมถึงปัจจัยในประเทศที่รัฐบาลเดินหน้าเปิดประมูลโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และการทยอยประกาศผลการดำเนินงานและประกาศจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นที่คาดจะมีผลประกอบการดีและ yield สูง
โดยมีปัจจัยกดดันจากการที่นักลงทุนกังวลต่อนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ยังไม่แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อการลงทุน การค้า และนโยบายต่างประเทศอย่างไรบ้าง ประกอบกับอังกฤษเริ่มกระบวนการแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการอยู่ระหว่างวันที่ 6-8 ก.พ. และการเลือกตั้งในฝรั่งเศสที่จะเกิดขึ้นในกลางปีนี้อาจนำมาซึ่งกระแสการถอนตัวออกจากกลุ่มประเทศยูโรโซน ล่าสุดนางมารีน เลอแปง ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสจากพรรคเนชั่นแนล ฟรอนท์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาจัดประกาศกร้าวว่าจะนำฝรั่งเศสถอนตัวออกจากยูโรโซนหากชนะการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 8 ก.พ.กำหนดประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดว่าที่ประชุมกนง.จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม ส่วนสภาอังกฤษเตรียมโหวตร่างกฎหมาย Brexit ,วันที่ 9 ก.พ. รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เซ็นสัญญาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มทั้ง 6 สัญญากับ “CK-STEC-ITD-UNIQ" และวันที่ 10 ก.พ. MSCI จะประกาศน้ำหนักการลงทุนซึ่งคาดว่าอาจมีการปรับเพิ่มน้ำหนักในบางกลุ่มในเชิงบวก โดยมีแนวโน้มว่าจะไม่มีการถอดหุ้นออกหรือปรับหุ้นเข้า
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังคงได้แรงหนุนจากการซื้อดักงบและเงินปันผลปี 2559 ที่กำลังทยอยประกาศ รวมถึงคาดว่า MSCI จะเพิ่มน้ำหนักกลุ่มธนาคารไทยขึ้นหลังมองว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว อย่างไรก็ตาม การดีดตัวของดัชนีจะมีความผันผวนจากความกังวลนโนบายเศรษฐกิจของนายโดนัลท์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศ
ดังนั้น ประเมินว่า SET จะซิกแซกขาขึ้นเพื่อทดสอบแนวต้าน 1,600–1,620 จุด ทั้งนี้ แนะนำซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ในกลุ่มพลังงาน คาดว่างบไตรมาส 4/59 รวมถึงงบปี 59 จะมีกำไรเติบโตขึ้น และหุ้นที่คาดว่ากำไรปี 59 จะเติบโตขึ้น แนะนำ ANAN, BANPU และ WICE