(เพิ่มเติม) BAY ตั้งเป้าปี 60 สินเชื่อกลุ่มธุรกิจโต 5% จากปีก่อนโตราว 11% เน้นขยายฐานใหม่เชื่อมไทยแลนด์ 4.0, คุม NPL ไม่เกิน 2%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 15, 2017 12:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพรสนอง ตู้จินดา ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้าธุรกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อธุรกิจโต 5% จากปีก่อนที่เติบโต 11% เป็นผลจากการมีดีลลูกค้าขนาดใหญ่ 4 ราย ส่วนปีนี้จะมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มใหม่ ๆ ที่เชื่อมโยงกับนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยแลนด์ 4.0

สำหรับในปี 59 กลุ่มกรุงศรีมีสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจลูกค้าธุรกิจไทย คิดเป็น 45% ของสินเชื่อรวมของธนาคาร แม้ว่าปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจยังมีความท้าทายและภาวะการแข่งขันที่สูง สินเชื่อในกลุ่มลูกค้าธุรกิจไทยสามารถขยายตัวได้ถึง 11% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าตลาดรวม โดยกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่คิดเป็น 30% ของสินเชื่อรวม และ SMEs คิดเป็น 15% ทั้งนี้ในส่วนเงินฝากมียอดเติบโตรวมในกลุ่มลูกค้าธุรกิจ 9.8%

ด้านกลยุทธ์สร้างความเติบโตของกลุ่มลูกค้าธุรกิจ (Commercial Banking) ในปี 60 จะมุ่งสู่การเป็นสถาบันการเงินชั้นนำสำหรับลูกค้าธุรกิจ ด้วยคุณสมบัติพิเศษของกรุงศรีในการเป็นสถาบันการเงินที่ผสานความรู้ความเชี่ยวชาญในประเทศกับศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงินและเครือข่ายระดับโลกของ มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) ทำให้กลุ่มกรุงศรีสามารถให้บริการทางการเงินหลากหลายและครบวงจรแก่ลูกค้าธุรกิจ

"เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของกรุงศรี ในฐานะสมาชิกของ MUFG หนึ่งในสถาบันการเงินชั้นนำของโลก ได้เพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากมายที่จะนำเสนอบริการทางการเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้า รวมถึงการเชื่อมโยงเครือข่ายระดับโลกและงานวิจัยเชิงลึก กรุงศรีมีความมุ่งมั่นที่จะให้บริการที่มีคุณภาพและครอบคลุมทุกด้านเพื่อสนับสนุนการเติบโตของลูกค้ารวมทั้งการขยายธุรกิจแบบไร้พรมแดน ในปีที่ผ่านมา กลุ่มกรุงศรีได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทชั้นนำของประเทศไทยในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ สำหรับลูกค้ากลุ่ม SMEs เราตั้งเป้าที่จะเป็นหนึ่งในธนาคารหลัก โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการสภาพคล่อง บริการธุรกรรมระหว่างประเทศ บริการจัดหาเงินทุนหมุนเวียน บริการจัดการด้านการเงิน และบริการจับคู่ธุรกิจทั้งในและต่างประเทศซึ่งธนาคารทำมาอย่างต่อเนื่องและขยายผลมากขึ้นในทุกๆ ปี" นายพรสนอง กล่าว

นายพรสนอง กล่าวถึงแนวโน้มสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของลูกค้าสินเชื่อธุรกิจของธนาคารในปีนี้ คาดว่าจะยังทรงตัวอยู่ที่ 2% เท่ากับปีก่อน โดยธนาคารยังคงมีการดูแลคุณภาพหนี้ของลูกค้า พร้อมทั้งติดตามและให้คำปรึกษากับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกค้า โดยธนาคารมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้ยังคงมีการเติบโตได้แต่ยังไม่มีความแข็งแกร่งมากนัก เพราะยังมีปัจจัยภายนอกที่ยังกระทบอยู่

โดยประเมินเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ 3.3% จากปีก่อนขยายตัวที่ 3.2% ซึ่งการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้จะมาจากการลงทุนของภาครัฐที่จะช่วยสร้างความมั่นใจในการลงทุนของภาคเอกชนให้กลับมาลงทุนตาม หลังจากปีที่ผ่านมาเอกชนยังชะลอการลงทุนอยู่ เนื่องจากการลงทุนของภาครัฐยังไม่ออกมาอย่างชัดเจน ประกอบกับภาคการบริโภคครัวเรือนในปีนี้คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวขึ้น หลังจากปีก่อนชะลอตัวจากปัจจัยในประเทศ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยกว่า 30 ล้านคน ใกล้เคียงกับปีก่อน สำหรับมูลค่าสินเชื่อธุรกิจปล่อยใหม่ของธนาคารในปีนี้คาดว่าจะปล่อยใหม่อยู่ที่ 3.21 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 5% ซึ่งยังไม่นับรวมสินเชื่อที่ปล่อยให้กับดีลขนาดใหญ่ โดยปีก่อนที่สินเชื่อธุรกิจโต 11% หรือมีมูลค่าปล่อยใหม่อยู่ที่ 6.42 แสนล้านบาท เพราะมีการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าที่ทำดีลขนาดใหญ่ 4-5 ดีล ทำให้สินเชื่อธุรกิจมีการเติบโตในระดับที่สูง ถ้าหากไม่นับรวมการปล่อยสินเชื่อให้กับดีลขนาดใหญ่สินเชื่อธุรกิจของธนาคารในปี 59 จะเติบโต 7-8% "ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อธุรกิจในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมายังคงชะลอตัวอยู่ เพราะยังเป็นช่วงเริ่มต้น ลูกค้าขนาดใหญ่ยังชะลอ เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นของปี ส่วนลูกค้าเอสเอ็มอีเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น ซึ่งมียอดการของสินเชื่อกับธนาคารเข้ามาจำนวนหนึ่ง เพื่อลงทุนรองรับการขยายตัวในอนาคต ตามการลงทุนภาครัฐที่จะเกิดขึ้น"นายพรสนอง กล่าว นอกจากนี้ ธนาคารยังคงเป้าหมายเงินฝากลูกค้าธุรกิจในปีนี้ขยายตัว 12.6% จากปีก่อนที่ขยายตัว 9.8% เพราะธนาคารต้องการปรับความสมดุลของพอร์ตสินเชื่อและเงินฝากให้มีความเหมาะสม หลังจากช่วงที่ผ่านมาธนาคารเน้นการปล่อยสินเชื่อมากกว่าการระดมเงินฝาก อีกทั้งธนาคารต้องควบคุมต้นทุนทางการเงินให้มีความเหมาะสม เพราะแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในอนาคตนับจากนี้มองว่าจะเป็นเทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ในปีนี้ธนาคารจึงจำเป็นต้องระดมเงินฝากเข้ามามากขึ้น แต่ยังเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในปีนี้จะยังคงอยู่ที่ 1.5% ต่อปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ