นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ดด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย. เอวิเอชั่น (AAV) และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า นายโทนี เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มแอร์เอเชีย ได้เข้าพบกับนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อเร็วๆนี้ ได้เสนอไอเดียที่กลุ่มแอร์เอเชียอยากทำให้การท่องเที่ยวในภูมิภาคเติบโต แต่สนามบินในภูมิภาคมีขนาดเล็ก หากปรับปรุงรันเวย์ให้ยาวขึ้น เครื่องบินของแอร์เอเชียก็สามารถบินขึ้นลงได้ โดยไม่ต้องกระจุกตัวในกรุงเทพ หรือสนามบินดอนเมือง จึงได้เสนอตัวว่าแอร์เอเชียพร้อมเข้ามาช่วยพัฒนาสนามบินในเมืองรองหรือเมืองเล็กหากภาครัฐต้องการ ได้แก่ แม่สอด พะเยา เลย
อย่างไรก็ตาม นายธรรศพลฐ์ ย้ำว่า ไทยแอร์เอเชีย ไม่ต้องการลงทุนสร้างสนามบิน เพราะทุกจังหวัดมีสนามบินอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นสนามบินขนาดเล็ก และมีรันเวย์ที่ยาวไม่พอที่เครื่องบินของไทยแอร์เอเชียมีอยู่ คือ เครื่องบินแอร์บัส 320 สามารถขึ้นลงได้ แต่บริษัทพร้อมเข้าไปช่วยพัฒนาสนามบินที่มีอยู่ได้
"เป็นการแชร์ไอเดียเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางสะดวกขึ้น แล้วแต่ภาครัฐว่าจะให้จัดการอย่างไรเราพร้อมเข้าไปช่วยพัฒนา เรามีเครื่องบินเราสามารถบินข้าไปภูมิภาคได้ เราต้องการพัฒนาการท่องเที่ยวให้แข็งแรง แนวคิดที่จะช่วยพัฒนาเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวในเมืองเล็กมากขึ้น"นายธรรศพลฐ์ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า มีโอกาสที่จะใช้สนามบินในภาคอีสานมาเป็น Hub อีกจุดหนึ่ง เพราะมองว่า ภาคเหนือและภาคอีสานยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่อีกมาก เพียงแต่การเดินทางไม่ค่อยสะดวก โดยผู้โดยสารของสายการบินโลว์คอสต์กว่า 80% จะเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว นอกจากการท่องเที่ยวจะได้ประโยชน์แล้ว การขนส่งสินค้าทางอากาศ (Cargo) ก็ได้ประโยชน์ด้วย
สำหรับการเก็บเงินภาษีสรรพสามิตน้ำมันกับผู้โดยสาร 150 บาท/เที่ยว ที่มีผล 1 ก.พ.60 ที่ผ่านมานั้น นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นผลกระทบ โดยยอดจองล่วงหน้าในเดือน มี.ค.-เม.ย.กลับมาเป็นปกติ หลังจากในเดือน ก.พ.ชะลอเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ก็ยังต้องติดตามต่อเนื่อง ทั้งนี้เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ไทยแอร์เอเชียได้ชี้แจงที่มาการเก็บเงินเพิ่มจากภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้กระทรวงคมนาคม และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เข้าใจแล้ว
ขณะเดียวกัน บริษัทก็ออกโปรโมชั่น โดยล่าสุดในงาน "เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก" สายการบินไทยแอร์เอเชียเปิดให้จองตั๋วสำหรับเส้นทางในประเทศทุกเส้นทาง ในราคาเดียว 540 บาท/เที่ยว เส้นทางต่างประเทศ 990 บาท/เที่ยว ซึ่งต่ำกว่าคู่แข่งมาก โดยมีอยู่ 10,000 ที่นั่ง และพร้อมเพิ่มที่นั่งหากมีการจองเข้ามามาก
พร้อมกันนั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ปีนี้คาดว่า สายการบินไทยแอร์เอเชียจะมีส่วนแบ่งการตลาดทะลุ 30% ของเส้นทางในประเทศทุกเส้นทาง จากปี 59 มีส่วนแบ่ง 29.5% รองลงมาเป็น สายการบินนกแอร์ (NOK) ที่ 20.3% สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ มีส่วนแบ่ง 18.7% ซึ่งดึงส่วนแบ่งมาจาก NOK ได้มาก ส่วนสายการบินไทยสมายล์มีส่วนแบ่ง 10.5% สายการบินไทย (THAI) มีส่วนแบ่ง 9.1% สายการบินบางกอกแอร์เวย์ (BA) มีส่วนแบ่ง 11.0%
ขณะที่ผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญจากจีน ต้องรอดูในไตรมาส 2/60 เพราะในช่วงที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจีนเข้ามามากเพราะยังอยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีนซึ่งก็เข้ามาเนืองแน่น
นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้สายการบินไทยแอร์เอเชียอยู่ระหว่างขั้นตอนที่ 4 จากทั้งหมด 5 ขั้นตอน ในกระบวนการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (AOC Re-Certification) คาดว่าจะได้เสร็จสิ้นในเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ พร้อมกัน 8 สายการบิน
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะใช้ Hub ที่สนามบินอู่ตะเภา ทำการบินไปยังเส้นทางในต่างประเทศที่เป็นจุดบินใหม่ ได้แก่ อินเดีย จีน กลุ่ม CLMV จากปัจจุบันมีเส้นทางจากสนามบินอู่ตะเภาไป สิงคโปร์ , มาเก๊า , จีน 2 เมือง คือ หนานฉาง และหนางหนิง
ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมเส้นทางบินต่างประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก โดยอยู่ในแผนการศึกษา ได้แก่ ดานัง , นาชัง ในเวียดนาม, สีหนุวิลล์ ในกัมพูชา เป็นต้น
นอกจากนี้ ไทยแอร์เอเชียเน้นเปิดเส้นทางบินข้ามภูมิภาค แต่บางจังหวัดที่มีสนามบินเล็กทำให้เครื่องบินที่ใช้ คือแอร์บัส เอ320 ไม่สามารถทำการบินได้ ขณะที่การนำเครื่องบินเล็กมาทำการบินไม่ใช้นโยบายของบริษัท เพราะขนส่งคนเพียง 30-40 ที่นั่ง ขณะที่เครื่องแอร์บัส เอ320 สามารถบรรทุกได้ 180 ที่นั่ง ทำให้เกิดปะรโยชน์ทางเศรษฐกิจได้ดีกว่า จึงต้องการให้ภาครัฐช่วยปรับปรุงรันเวย์ในจังหวัดเล็ก อาทิ แม่สอด ลำปาง ชุมพร แพร่ พะเยา ระนอง เป็นต้น