ก.ล.ต.คุมเข้มออกตั๋ว B/E ให้เปิดเผยข้อมูลมากขึ้น-เปิดช่องนักลงทุนร้องเรียน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 20, 2017 09:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.จะมีการควบคุมการออกตั๋ว B/E ที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการเปิดเผยข้อมูลของตั๋วและลักษณะของตั๋ว เพื่อให้เจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนและผู้ลงทุนได้ทราบถึงข้อมูลอย่างอย่างชัดเจนและมีความเข้าใจถึงลักษณะของตั๋ว B/E ที่บริษัทนั้นๆได้ออกมา

ทั้งนี้ หากนักลงทุนไม่ได้รับข้อมูลการเสนอขายตั๋ว B/E จากเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนและบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) นักลงทุนสามารถร้องเรียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และก.ล.ต.ได้ ซึ่งจะต้องใช้หลักฐานประกอบการร้องเรียน เช่น Fund Fact Sheet หรือหากมีการอัดเสียงระหว่างเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนและนักลงทุน สามารถใช้ประกอบเป็นหลักฐานร้องเรียนได้

นายรพี กล่าวว่า จากปัญหาตั๋ว B/E ผิดนัดชำระหนี้ที่เกิดขึ้นในระยะนี้ ทำให้เห็นได้ว่าตลาดได้มีการปรับตัวอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่หันมาออกตั๋ว B/E ที่มีหลักประกัน รวมทั้งมีการออกหุ้นกู้ และการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินมากขึ้น เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ภาพรวมทั้งอุตสาหกรรมเกิดการปรับตัวขึ้น และนักลงทุนมีความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น และทาง ก.ล.ต.ก็ได้ส่งหนังสือแจ้งไปให้บริษัทจดทะเบียนได้รับทราบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของตั๋ว B/E เกิดขึ้นได้อีก

"ก.ล.ต.ยังได้รับ Filling ของตั๋ว B/E มาอยู่เรื่อยๆ การ Roll ตั๋วก็ยังมีอยู่ตลอด แต่ลักษณะของตั๋วได้เปลี่ยนไป ตอนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการขอออกตั๋ว B/E แบบมีหลักประกัน และการออกหุ้นกู้ระยะสั้น ซึ่งตอนนี้ภาพของตลาดมีการปรับตัวอย่างมาก หลังเกิดปัญหาขึ้น"นายรพี กล่าว

ส่วนปัญหาความไม่ชัดเจนในเรื่องการลงทุนในที่ดินที่ได้รับสัมปทานของบริษัทจดทะเบียนแล้วเกิดปัญหาขึ้นภายหลังนั้น ทาง ก.ล.ต.มองว่าเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนจะต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน เพราะเป็นปัจจัยที่ไม่แน่นอนและไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งการที่บริษัทจดทะเบียนได้รับสัมปทานในที่ดินผืนนั้นแล้วก็ต้องมีการเปิดเผยข้อมูลให้กับผู้ลงทุนได้ทราบอย่างชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาทุกรายก็เปิดเผยข้อมูลตามที่แจ้งไปทั้งหมด

ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อนักลงทุน และเป็นความเสี่ยงของนักลงทุนที่จะต้องไช้วิจารณญาณในการลงทุน ซึ่งทาง ก.ล.ต.ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของสัมปทานของบริษัทจดทะเบียนที่ได้มาได้ เพราะเป็นสิ่งที่หน่วยงานของรัฐและบริษัทจดเบียนได้ตกลงกัน และมีการแจ้งต่อ ก.ล.ต., ตลท. และนักลงทุนได้ทราบถึงข้อมูลหลังได้รับสัมปทาน

"เรื่องสัมปทานของบ้านเราอย่างที่รู้ๆกัน เขาก็ทำๆไปก่อน สัมปทานทำไปตอนนั้นก็ไม่รู้อนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ก.ล.ต.มีหน้าที่ในการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งหลังเขาได้สัมปทานก็มีการเปิดเผยข้อมูลตามระเบียบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำ เพราะทำให้ผู้ลงทุนจะได้นำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประกอบการพิจารณาเลือกลงทุน ซึ่งเรื่องปัญหาสัมปทานที่เกิดขึ้นมันก็เป็นความเสี่ยงอยู่แล้ว และเราไม่สามารถควบคุมได้ อยู่ที่นักลงทุนว่าจะเลือกที่ยอมรับความเสี่ยงนี้ไหม และปัญหานี้ไม่ได้เกิดเฉพาะแค่ในประเทศเรา อย่างบริษัทในอังกฤษ ก็ได้รับผลกระทบการ Brexit จาก EU ซึ่งมีหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ในอังกฤษก็เกิดความเสี่ยง ไม่รู้ว่าอยาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา และบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษก็มีความเสี่ยงสูง เพราะไม่รู้ว่าราคาขายหรือราคาที่ดินจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร"นายรพี กล่าว

นายรพี ยังกล่าวถึงการทำความเข้าใจใน พ.ร.บ.หลักทรัพย์ใหม่ว่า ทาง ก.ล.ต.จะมีการทำวีดีโอคลิป 10 ตอน เผยแพร่ในเว็บไซต์ของก.ล.ต. และส่งให้กับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้มีความเข้าใจพ.ร.บ.หลักทรัพย์ใหม่มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาหลายๆคนยังไม่มีความเข้าที่ถูกต้อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ