JMT ตั้งงบซื้อหนี้มาบริหาร 3 หมื่นลบ.ปีนี้ดันพอร์ตแตะ 1.4 แสนลบ.,รุกธุรกิจติดตามหนี้ในกัมพูชา

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 21, 2017 17:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ สำหรับการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มอีก 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้สิ้นปี 60 มีพอร์ตบริหารหนี้แตะ 1.4 แสนล้านบาท จากในปี 59 ได้ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเกือบ 2 หมื่นล้านบาท ทำให้พอร์ตบริหารหนี้ทะลุ 1 แสนล้านบาทเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการที่สถาบันเงินต่าง ๆ ได้ขายหนี้เสียออกมาอย่างต่อเนื่อง และหนี้ด้อยคุณภาพส่วนใหญ่ที่ซื้อมามีคุณภาพมากขึ้น

นอกจากนี้เพื่อการขยายโอกาสในอนาคตของธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อย ชื่อ บริษัท เจเอ็มที (กัมพูชา) จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้ และ Call Center โดยเป็นบริษัทที่จัดตั้งในประเทศกัมพูชา ทุนจดทะเบียน ประมาณ 30.6 ล้านบาท โดย JMT ถือหุ้น 100% ใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ด้วยเป้าหมายในการก้าวเป็นผู้นำในด้านการติดตามหนี้ และบริหารหนี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ในอนาคต

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 59 บริษัทมีกำไรสุทธิทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 290 ล้านบาท เติบโต 207% จากปีก่อนหน้า ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 1,063.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.9% จากปี 58 เนื่องจากรายได้จากการเรียกเก็บหนี้จากลูกหนี้ที่รับซื้อ , รายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึง รายได้จากการให้บริการติดตามหนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในการติดตามหนี้ด้อยคุณภาพ ซึ่งเป็นปีที่บริษัทมียอดจัดเก็บได้สูงที่สุดเท่ากับ 1,026 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบริหารจัดการ จากกลยุทธ์ที่วางไว้ และประสิทธิภาพในการติดตามหนี้ของพนักงานบริษัทตอกย้ำเบอร์หนึ่งในธุรกิจบริหารหนี้ได้อย่างดีเยี่ยม

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีกำไรที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนเงินลงทุนในบริษัทย่อยจำนวน 143.9 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากธุรกรรมการปรับโครงสร้างบริษัทย่อย โดยผู้ถือหุ้นของบริษัท ได้อนุมัติการสละสิทธิ์เพิ่มทุนในบริษัท เจ ฟินเทค จำกัด มูลค่า 1,100 ล้านบาท ให้แก่บมจ.เจ มาร์ท (JMART) เพิ่มทุนแทน ทำให้ภายหลังการเพิ่มทุน JMT คงเหลือสัดส่วนการลงทุนใน เจ ฟินเทค 9.84% และรับรู้เป็นเงินลงทุนระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ