AGE จับมือพันธมิตรในมณฑลฟูเจี้ยนของจีนบุกตลาดโรงไฟฟ้าหวังเพิ่มยอดขายอย่างน้อย 5 หมื่นตัน/เดือน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 24, 2017 16:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเชียกรีน เอนเนอจี (AGE) กล่าวว่า บริษัท เอจีอี โกลบอล เทรด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ AGE จับมือกับคู่ค้าในมณฑลฟูเจี้ยนเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในสัดส่วน 50:50 ขยายตลาดเทรดดิ้งถ่านหินในจีน คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายถ่านหินในจีนได้อย่างน้อย 5 หมื่นตัน/เดือน เนื่องจากพันธมิตรรายนี้มีความชำนาญในการทำตลาดโรงไฟฟ้า แต่ยังขาดเงินทุนหมุนเวียน ดังนั้น AGE ก็จะเข้าไปช่วยเสริมความแข็งแกร่งในส่วนดังกล่าว

ทั้งนี้ เฉพาะในมณฑลฟูเจี้ยนมีโรงไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเกือบ 1 หมื่นเมกะวัตต์ และยังจะมีโรงไฟฟ้าใหม่ที่เตรียมจะก่อสร้างเพิ่มขึ้นอีก ทำให้มีปริมาณความต้องการใช้ถ่านหินค่อนข้างมาก จึงเป็นเป็นโอกาสของบริษัทร่วมทุนที่จะมีส่วนแบ่งตลาดถ่านหินเพิ่มขึ้น และจะช่วยผลักดันให้อัตรากำไรในการขายถ่านหินดีขึ้นจากการที่ไม่ต้องขายผ่านตัวแทนจำหน่าย

ขณะที่ภาพรวมตลาดจีนที่เป็นตลาดหลักของ AGE ยังมีการเติบโตที่ดี เพราะผลผลิตถ่านหินของจีนมีแนวโน้มลดลงตามนโยบายของรัฐบาลจีน ทำให้ปัจจุบันจีนต้องนำเข้าถ่านหินเป็นจำนวนมาก และคาดว่าปีนี้การนำเข้าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การเติบโตอาจจะชะลอลงจากที่ขยายตัวสูงถึง 25%ในปี 59 ขณะที่ซัพพลายถ่านหินในประเทศคาดว่าจะลดลงต่อเนื่องจากปีก่อนที่ลดลงไปราว 9% ขณะที่มีปริมาณความต้องการใช้มากกว่า 3 พันล้านตัน/ปี ทำให้ปีก่อนจีนต้องนำเข้าถ่านหินมากถึง 250 ล้านตัน ขณะที่บริษัทมียอดขายในตลาดจีนราว 4 แสนตันในปี 59

ตลาดหลักอีกแห่งทื่มีแนวโน้มการเติบโตดีที่มาก คือ เวียดนาม จากจำนวนโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีเพิ่มขึ้น และกระแสของการปรับเปลี่ยนมาใช้ถ่านหินคุณภาพดีจากอินโดนีเซียที่มีราคาต่ำกว่าการใช้ถ่านหินคุณภาพสูงจากออสเตรเลีย ซึ่งมีการประเมินว่าเวียดนามจะมีความต้องการใช้ถ่านหินเพิ่มเป็น 86 ล้านตันในปี 63 จากปัจจุบันอยู่ที่ 13 ล้านตัน แซงหน้าไทยที่มีปริมาณความต้องการใช้ราว 20 ล้านตัน โดยประเมินว่าเวียดนามจะต้องนำเข้าถ่านหินเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยการผลิตในประเทศที่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ

นายพนม ยังกล่าวอีกว่า ส่วนตลาดอินเดียที่ออร์เดอร์เคยหายไประยะหนึ่ง ขณะนี้ก็เริ่มกลับเข้ามาเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และบริษัทก็ได้เริ่มทำตลาดไต้หวันไปเมื่อปลายปีก่อน โดยอยู่ในช่วงรอดูแนวโน้มว่าจะมีเข้ามาเพิ่มหรือไม่ เพราะการนำเข้าไปในล็อตแรกเป็นการที่ลูกค้าสั่งไปเพิ่มสต็อกเท่านั้น

สำหรับตลาดในประเทศไทย ความต้องการใช้ถ่านหินน่าจะเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะจากการลงทุนภาครัฐที่ทำให้มีการขยายกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงสำคัญ และการเติบโตของการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งการมีโรงไฟฟ้าชีวมวลใหม่ ๆ เกิดขึ้นเพราะต้องนำถ่านหินไปเป็นส่วนผสมใช้กระบวนการผลิต

ดังนั้น บริษัทจึงได้ตั้งเป้าหมายยอดขายปีนี้เติบโตสูงถึง 25-30% จากระดับ 2.36 ล้านตันในปี 59 พร้อมทั้งคาดว่าราคาถ่านหินปีนี้จะค่อนข้างทรงตัวหลังจากปรับตัวขึ้นมาแรงถึงราว 60% ในช่วงปีก่อน โดยขณะนี้ราคาถ่านหินนิวคาสเซิลอยู่ที่ราว 80 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่บริษัทได้ลดความเสี่ยงของซัพพลายถ่านหินที่พึ่งพาตลาดอินโดนีเซียเป็นหลัก ด้วยการหันไปนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียเพิ่มขึ้น และยังศึกษาการนำเข้าจากเหมืองในออสเตรเลียด้วย

นายพนม กล่าวว่า บริษัทยังศึกษาการขยายกองเรือเพื่อเพิ่มโอกาสการให้บริการขนส่งสินค้าทางน้ำ จากปัจจุบันที่ให้บริการคลังสินค้า ขนสินค้าผ่านท่าเรือ ซึ่งเป็นการขยายบริการโลจิสติกส์ในประเทศบครบวงจร นอกเหนือจากรายได้จากการขายถ่านหิน ซึ่งในปีที่แล้วได้เพิ่มจำนวนเรือไปแล้ว 8 ลำ ส่วนท่าเรือในปีนี้มีโครงการปรับปรุงและพัฒนาระบบในการดูแลสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 60


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ