SPALI เล็งเพิ่มสัดส่วนยอดขายตจว.เป็น 28% ในปีนี้ รับศก.ภูมิภาคขยายตัวตามท่องเที่ยว,ออกหุ้นกู้ 2-3 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 27, 2017 07:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) ว่า ในปี 2560 นับเป็นความท้าทายของศุภาลัยในการสร้างยอดขายและรักษาผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน จากการตั้งเป้ายอดขายของบริษัท 27,000 ล้านบาท และเป้ารายได้รวม 24,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว จากแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 29 โครงการ แยกเป็นโครงการแนวราบ ในกรุงเทพฯ - ปริมณฑล และต่างจังหวัด จำนวน 24 โครงการ โครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ จำนวน 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 37,200 ล้านบาท

ขณะเดียวกันยังคงพัฒนาโครงการใหม่ในหัวเมืองจังหวัดต่างๆ เพิ่มขึ้น โครงการที่ดำเนินการอยู่แล้ว ได้แก่ เชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น ชลบุรี ระยอง อุบลราชธานี นครราชสีมา สงขลา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช อีกทั้งเตรียมขยายการลงทุนโครงการใหม่ที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งจะส่งผลให้มีสัดส่วนยอดขายในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเป็น 28% ของเป้าการขายรวมของกลุ่มบริษัทฯ และเพิ่มเป็น 30% ใน 2-3 ปีข้างหน้า จากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ระดับ 20%

นอกจากนี้บริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ 8,000 ล้านบาท เพื่อที่จะใช้ในการซื้อที่ดินรองรับการขยายโครงการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นการซื้อที่ดินพื้นที่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นราว 20% ต่อปี และเป็นการหาพื้นที่ตามเส้นรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ เพิ่มเติมด้วย

"ปีนี้เรายังคงมั่นใจว่าผลประกอบการจะทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยมองว่าภาพรวมยังเติบโตได้ค่อนข้างดี โดยตลาดคอนโดมิเนียมตามรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ยังจะมีการเติบโตได้ค่อนข้างดี คาดว่าจะเติบโตได้ 5-10% ขณะที่แนวราบเองถึงแม้ว่าภาพรวมจะไม่เติบโตแต่ด้วยความเชื่อมั่นของผู้ซื้อยังเชื่อมั่นในผู้ประกอบการรายใหญ่มากกว่า เราจึงยังมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และด้วยความสำเร็จของการขยายโครงการในต่างจังหวัด ซึ่งปีนี้สัดส่วนจะเพิ่มขึ้นเป็น 28% จึงเป็นส่วนช่วยให้เรามีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยในระยะยาวบริษัทก็ยังคงมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตในระดับ 10-15% เหมือนกับช่วงที่ผ่านมาได้"นายไตรเตชะ กล่าว

นายไตรเตชะ กล่าวว่า บริษัทยังคงติดตามอัตราการปฎิเสธสินเชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ จากปัจจุบันยังทรงตัวอยู่ที่ 8.5% ซึ่งเป็นระดับที่สูงขึ้นมาจากช่วงปลายปี โดยยังเป็นความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทไม่เป็นไปตามเป้าหมายได้ อย่างไรก็ตามบริษัทได้หารือกับสถาบันทางการเงินหลายแห่ง เกี่ยวกับการคัดเลือกลูกค้า และพิจารณาการปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้า รวมถึงการปรับเพิ่มเงินดาวน์ให้มาอยู่ในระดับที่เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งก็เชื่อว่าจะช่วยให้ยอดปฎิเสธสินเชื่อปรับตัวดีขึ้นได้

ในอนาคตต้นทุนทางการเงินของบริษัทมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 3% จาก ณ สิ้นปี 59 อยู่ที่ระดับ 3.10% โดยที่ผ่านมาได้ปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทได้รับเครดิตเรตติ้งที่ระดับ A ส่งผลให้นักลงทุนสถาบันมีความเชื่อมั่นจากศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี และภาระหนี้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ทำให้ช่วงที่ผ่านมาบริษัทสามารถออกหุ้นกู้ในอัตราดอกเบี้ย 2.5% ได้มากขึ้นจากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ 3% โดยในปีนี้บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้มูลค่าราว 2,000-3,000 ล้านบาท เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่หมดอายุ

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสถาบันต่างชาติได้ถือหุ้นบริษัทอยู่ในสัดส่วน 25-35% โดยต่างชาติยังมีความเชื่อมั่นใน SPALI และส่วนใหญ่เป็นการถือหุ้นระยะยาว ซึ่งในปีนี้บริษัทก็มีแผนที่จะเดินไปนำเสนอข้อมูลให้กับสถาบันต่างชาติเพิ่มเติม โดยมีแผนที่จะไปทั้งหมด 3 ประเทศในปีนี้ คือประเทศมาเลเซีย ฮ่องกง และอังกฤษ

นายอดิศักดิ์ วารินทร์ศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานโครงการภูมิภาค 3 ของ SPALI กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจและทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในภาคใต้ มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น การขยายตัวของการท่องเที่ยว และการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เข้าไปลงทุนในจังหวัดภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราชแล้ว จำนวน 15 โครงการ ได้รับการตอบรับที่ดีและส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับในปี 2560 บริษัทได้ตั้งเป้าเติบโต 20% พร้อมลุยแผนเปิดโครงการใหม่อีก 4 โครงการ ในไตรมาส 2 และ 3 เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า คือ โครงการศุภาลัย พรีโม่ นครศรีธรรมราช ศุภาลัย พาร์ควิลล์ นครศรีธรรรมราช ศุภาลัย พรีโม่ ภูเก็ต และศุภาลัย เบลล่า ภูเก็ต มูลค่าโครงการรวม 2,220 ล้านบาท

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร ของ SPALI กล่าวว่า ภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 แม้จะมีปัจจัยหลายเรื่องที่มีผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ตลอดจนสถาบันการเงินเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อ ทำให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวยิ่งขึ้น แต่ยังมีแนวโน้มการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและภาคเอกชนผ่านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ล้วนส่งผลให้ยอดขายของบริษัท เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ