นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า บลจ.ทิสโก้ยังคงมุ่งมั่นหาโอกาสในการจับจังหวะการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับลูกค้า โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา บลจ.ทิสโก้สามารถตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านทริกเกอร์ฟันด์ได้อีกครั้ง หลังจากที่สามารถบริหาร“กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส เฮลธ์แคร์ ทริกเกอร์ 5M#1" (TISCO US Healthcare Trigger 5M Fund 1: THCT5M1) ทริกเกอร์ฟันด์เพื่อลงทุนเฉพาะเจาะจงในหมวดอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ (Healthcare) ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้มีมูลค่า NAV อยู่ที่ 10.5270 บาทต่อหน่วย จึงเข้าเงื่อนไขเลิกโครงการ โดยใช้เวลาบริหารเพียง 1เดือน12 วัน (กองทุนจดทะเบียน ณ วันที่ 13 ม.ค. 60) นับเป็นกองที่ 2 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 60 ที่ถึงเป้าหมายเลิกกองทุนก่อนกำหนด
และนับตั้งแต่ปี 51 จนถึงปัจจุบัน บลจ.ทิสโก้มีทริกเกอร์ฟันด์ภายใต้การจัดการทั้งหมด 118 กองทุน สามารถบริหารให้ถึงเป้าหมายแล้ว 79 กองทุน (ถึงเป้าหมายภายในกำหนดเวลาการลงทุน 65 กองทุนและถึงเป้าหมายเกินกว่ากำหนดเวลาการลงทุน 14 กองทุน) และมีทริกเกอร์ฟันด์ที่ยังไม่ถึงเป้าหมาย 21 กองทุน (อยู่ภายในกำหนดเวลาการลงทุน 2 กองทุนและเกินกว่ากำหนดเวลาการลงทุน 19 กองทุน) และมีทริกเกอร์ฟันด์ที่ไม่ถึงเป้าหมายและเลิกกองทุนแล้ว 18 กองทุน
“การฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ บวกกับนโยบาย American First ของประธานาธิบดี Donald Trump ที่คาดว่าจะส่งผลบวกต่อการลงทุนและการบริโภคในประเทศเป็นหลัก ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นในกลุ่ม Healthcare ซึ่งได้รับผลกระทบจากนโยบายหาเสียงในการควบคุมราคายาของนาง Hillary Clinton คู่แข่งคนสำคัญจากพรรค Democrat ปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาดหุ้นโดยรวม
อย่างไรก็ดี ความกังวลด้านราคายาเริ่มผ่อนคลายลงหลังประธานาธิบดีTrump ชนะการเลือกตั้ง ในขณะที่ผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มนี้ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จึงกลายเป็นกลุ่มที่มี P/E เฉลี่ยต่ำกว่าตลาดโดยรวม เราจึงตัดสินใจออกกองทุน THCT5M1 เพื่อเปิดโอกาสในการจับจังหวะลงทุน ล่าสุดกองทุนดังกล่าวเติบโตจนถึงเป้าหมายก่อนกำหนดภายในเวลา 1 เดือน 12 วันเท่านั้น นับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความสามารถในการจับจังหวะการลงทุนของ บลจ.ทิสโก้"นายสาห์รัช กล่าว
ทั้งนี้ หน่วยลงทุน THCT5M1 จะสับเปลี่ยนไปยังกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรระยะสั้น (TISCOSTF) โดยอัตโนมัติในวันที่ 6 มี.ค.60 ซึ่งผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต