LALIN มองแนวโน้มยอดขาย Q1/60 ฟื้นดีขึ้นตามกำลังซื้อ พร้อมจัดแคมเปญ-ร่วมงานบ้านและคอนโดฯหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 9, 2017 16:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) เปิดเผยว่า แนวโน้มยอดขายของบริษัทในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ฟื้นตัวขึ้นจากช่วงไตรมาส 4/59 ที่ทำยอดขายได้กว่า 100 ล้านบาท เนื่องจากประชาชนกลับมาเลือกซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น หลังจากที่ชะลอไปในช่วงปลายปีก่อนจากปัจจัยสถานการณ์ในประเทศ

ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ.60) บริษัทเปิดตัวโครงการทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวไปแล้ว 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.4-1.6 พันล้านบาท คือ โครงการ Lio Bliss Lalin Town ชลบุรี-อมตะนคร มูลค่า 600-700 ล้านบาท เป็นโครงการทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวในโครงการเดียวกัน และโครงการทาวน์โฮม Lio Nov บางนา-สุวรรณภูมิ (วัดศรีวารี) มูลค่า 800-900 ล้านบาท

นอกจากนี้ในเดือน ก.พ.60 บริษัทยังออกแคมเปญประจำปี คือ บ้านแห่งรักปี 60 โดยให้สิทธิลูกค้าที่ซื้อโครงการในแคมเปญดังกล่าวฟรีทุกค่าใช้จ่ายในวันโอน พร้อมรับค่าเฟอร์นิเจอร์สูงสุดกว่า 500,000 บาท ซึ่งบริษัทได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และช่วยกระตุ้นยอดขายให้ฟื้นกลับมา โดยบริษัทยังมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้ยังคงทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3.6 พันล้านบาท

และบริษัทยังได้นำโครงการเข้าร่วมงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 36 ในช่วงวันที่ 9-12 มี.ค.นี้ โดยคาดว่าจะทำยอดขายจากงานนี้ได้ถึง 150-200 ล้านบาท ซึ่งจะมีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ในกรุงเทพฯและปริมณฑลมาออกบูธราว 30 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 1 พันล้านบาท พร้อมแคมเปญร่วมลุ้นท่องเที่ยวที่อิตาลี ญี่ปุ่น และฮ่องกง สำหรับลูกค้าที่ซื้อโครงการภายในงาน

นายชูรัชฎ์ กล่าวว่า บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 8-10 โครงการ เป็นโครงการแนวราบทั้งหมด มูลค่าโครงการรวมกว่า 4 พันล้านบาท ทำเลทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมไปถึงพื้นที่ต่างจังหวัดทั้งหัวเมืองหลักและหัวเมืองรอง แบ่งเป็นสัดส่วนโซนกรุงเทพฯและปริมณฑลประมาณ 70% และต่างจังหวัด 30% ส่วนใหญ่มีที่ดินรองรับโครงการใหม่ไว้เกือบทั้งหมดแล้ว

ส่วนการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมนั้น บริษัทจะรอดูจังหวะที่ภาพรวมของเศรษฐกิจและภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีก่อน ซึ่งหากเห็นจังหวะที่ดีบริษัทอาจจะพิจารณาเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 โครงการ และบริษัทยังตั้งงบซื้อที่ดินในปี 60 อยู่ที่ 1 พันล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันได้ไช้ไปแล้ว 500 ล้านบาทเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังและปี 61

ด้านรายได้ในปี 60 บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 3.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 59 ที่มีรายได้อยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เพิ่มขึ้นมาเป็น 800-900 ล้านบาท จากสิ้นปีก่อนที่ 750 ล้านบาท ซึ่ง Backlog ทั้งหมดจะทยอยรับรู้ภายในปี 60 เพราะส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบที่จะมีการรับรู้รายได้ที่เร็ว

นายชูรัชฏ์ กล่าวว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 60 คาดว่าจะเติบโตได้ 3-5% จากปัจจัยการลงทุนโครงการสร้างพื้นฐานของภาครัฐเป็นตัวกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวขึ้น และทำให้ประชาชนมีความมั่นใจและมีการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นตาม ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ รวมไปถึงภาระหนี้รถยนต์คันแรกทยอยหมดลง ทำให้ภาระหนี้สินครัวเรือนเริ่มทยอยลดลงจากที่อยู่ไนระดับสูงมาหลายปี ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะช่วยให้สถาบันการเงินเริ่มผ่อนคลายเรื่องความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อลงบ้างเล็กน้อย

อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่ 20-25% คาดว่าจะมีแนวโน้มลดลงในปีนี้มาอยู่ที่ 17-20% เพราะการที่บริษัทมีการให้คำปรึกษากับลูกค้าในการเตรียมความพร่อมก่อนการยื่นขออนุมัติสินเชื่อ และการร่วมทำโปรโมชั่นร่วมกับสถาบันการเงินที่เป็นพันธมิตร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ