ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม SAMTEL ที่ “BBB+/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 13, 2017 16:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ.สามารถเทลคอม (SAMTEL) ที่ระดับ “BBB+" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"

อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะการแข่งขันที่แข็งแกร่งในธุรกิจให้บริการด้านเครือข่ายสื่อสารและการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนผลงานที่เป็นที่ยอมรับในการรับงานโครงการภาครัฐ รวมทั้งการมีสัดส่วนรายได้ในระดับปานกลางจากสัญญาให้บริการ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากความผันผวนของธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบที่ขึ้นอยู่กับงบใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของภาครัฐเป็นอย่างมาก

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันประมูลงานโครงการภาครัฐเอาไว้ได้ ความเสี่ยงจากการถูกปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทเกิดจากการที่บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงกว่า 60% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง

นอกจากนี้ อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับผลกระทบในกรณีที่บริษัทสามารถคอร์ปอเรชั่นซึ่งเป็นบริษัทแม่มีคุณภาพเครดิตลดลงจากการดำเนินงานที่อ่อนแอลงหรือการลงทุนที่ต้องก่อหนี้จำนวนมาก

บริษัทมีโอกาสได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตในกรณีที่บริษัทมีรายได้จากการให้บริการสื่อสารและซ่อมบำรุงและมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมทั้งสามารถรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับ 26%-30% และคงอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมให้อยู่ในระดับมากกว่า 40% ได้อย่างต่อเนื่อง

SAMTEL ก่อตั้งในปี 2529 โดยกลุ่มตระกูลวิไลลักษณ์ บริษัทดำเนินธุรกิจติดตั้งโครงข่ายสื่อสารและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร รวมทั้งให้บริการด้านโครงข่ายและระบบสื่อสาร ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2559 บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 71% โดย SAMART เป็นบริษัทที่ลงทุนในกิจการสื่อสารโทรคมนาคมและโครงข่าย รวมทั้งให้บริการด้านวิศวกรรม

สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทสะท้อนถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ครบวงจรและผลงานซึ่งเป็นที่ยอมรับในโครงการที่หลากหลาย นอกจากนี้ สถานะทางธุรกิจของบริษัทยังมีรายได้ที่สม่ำเสมอจากสัญญาให้บริการสื่อสารและซ่อมบำรุงเป็นสิ่งสนับสนุนที่ช่วยให้ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทมีความมั่นคงแน่นอนด้วย ในปี 2559 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท โดย 60% เป็นรายได้จากสัญญาให้บริการ สัดส่วนที่สูงของรายได้จากสัญญาให้บริการดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นผลเนื่องจากรายได้จากธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบที่ลดลงในปี 2559

ความเสี่ยงของบริษัทมาจากผลประกอบการที่ผันผวนจากธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบที่มีขนาดมูลค่าโครงการแตกต่างกัน ในขณะที่การดำเนินงานก็มีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนและความไม่ต่อเนื่องในการจัดสรรงบประมาณด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าความเสี่ยงดังกล่าวจะส่งผลต่อบริษัทไม่มากนักโดยพิจารณาจากโครงการที่บริษัทดำเนินงานอยู่ในปัจจุบันและความต้องการในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศ

มูลค่างานที่ยังไม่ได้ส่งมอบของบริษัท (Backlog) ณ สิ้นปี 2559 อยู่ที่ 9.3 พันล้านบาท โดยมูลค่างานประมาณ 2.6 พันล้านบาทจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2560 และจะรับรู้เป็นรายได้อีก 2.2 พันล้านบาทต่อปีในปี 2561-2562 นอกจากนี้ สัญญาให้บริการสื่อสารและซ่อมบำรุงที่กำลังจะหมดอายุในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าก็คาดว่าจะได้รับการต่อสัญญาต่อไป ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะมีรายได้จากการให้บริการสื่อสารและซ่อมบำรุงไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาทต่อปีในปี 2560-2562 ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ภายใต้ประมาณการพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 7-8 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2560-2562 เมื่อพิจารณาถึงโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ต้องได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน

บริษัทมีอัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ที่ยังคงอยู่ในระดับดีที่ 28.9% ในปี 2559 สะท้อนถึงสัดส่วนที่สูงของสัญญาให้บริการสื่อสารและซ่อมบำรุงรักษาที่มีอัตรากำไรสูง ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรของบริษัทน่าจะอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 27% ในช่วงระหว่างปี 2560-2562 และคาดหมายว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานประมาณ 1.7-2 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2560-2562

บริษัทยังคงมีสภาพคล่องที่ดีแม้รายได้จะลดลง ในปี 2559 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 33.9% ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทอยู่ที่ 9.6 เท่า

โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ 57.2% ณ สิ้นปี 2559 บริษัทมีแผนการลงทุนในโครงการที่เป็นสัญญาให้บริการเพิ่มขึ้นซึ่งต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นสูง โดยบริษัทมีแผนจะลงทุนราว 2.6 พันล้านบาทในช่วงปี 2560-2562 ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะอยู่ในระดับ 50%-56% ในระหว่างปี 2560-2562 และในระยะปานกลาง ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินรวมของบริษัทจะอยู่ในระดับเกินกว่า 35% โดยเฉลี่ยในช่วงปี 2560-2562

ในระยะ 12 เดือนข้างหน้าคาดว่าแหล่งเงินทุนของบริษัทจะมีเพียงพอต่อความต้องการใช้ โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินทุนจากการดำเนินงานจำนวน 1.7 พัน ล้านบาท เงินสดและเทียบเท่าเงินสดจำนวน 532 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 และวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 6 พันล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีแผนลงทุนรวมมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาทและมีหนี้ที่ต้องชำระคืนรวมประมาณ 4.5 พันล้านบาทในระยะ 12 เดือนข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ